“คมนาคม” คลอด 5 มาตรการ สนับสนุนภารกิจช่วยเหลือดูแลประชาชน
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมพร้อมสนับสนุนภารกิจ และเคียงข้างดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการรักษาอธิปไตยของประเทศในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างเต็มกำลัง โดยได้ออกมาตรการใน 5 มิติ เพื่อให้ทุกหน่วยงานในสังกัดสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือประชาชน ดังนี้ มิติที่ 1 การอพยพประชาชนและการเคลื่อนย้าย ให้จัดเตรียม และระดมยานพาหนะภาครัฐ เช่น รถโดยสาร รถบรรทุก หรือรถไฟ เพื่อใช้อพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยง พร้อมจัดตั้งจุดพักคอยหรือสถานีรับ-ส่งที่ปลอดภัยบริเวณใกล้ชายแดน โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจัดตารางการบิน เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของเครื่องบินกองทัพอากาศให้เกิดความปลอดภัยทางด้านการบินสูงสุด และเกิดความรวดเร็วในการดำเนินภารกิจ
มิติที่ 2 การดูแลโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ให้ตรวจสอบ และประเมินความเสียหายของโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่ปะทะ ดำเนินการซ่อมแซมฉุกเฉิน เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย และสนับสนุนการลำเลียงสิ่งของ หรือการเคลื่อนย้ายประชาชน ปิดกั้นหรือเบี่ยงเส้นทางที่ไม่ปลอดภัย พร้อมติดตั้งป้ายแจ้งเตือนล่วงหน้า และจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของทุกระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ, มิติที่ 3 คือการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง ให้จัดระบบลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ และความช่วยเหลือจากส่วนกลางสู่พื้นที่ชายแดน ตลอดจนสนับสนุนการขนส่งอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ และวางแผนเส้นทางสำรองสำหรับการขนส่งสินค้า เพื่อลดผลกระทบต่อระบบโลจิสติกส์
มิติที่ 4 การสื่อสารข้อมูล และการประสานงาน โดยจัดตั้งศูนย์ประสานงานด้านคมนาคมในภาวะฉุกเฉินภายใต้การกำกับของกระทรวงคมนาคม พร้อมเปิดช่องทางติดต่อสายด่วนตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับสอบถามการเดินทาง การขนส่ง เส้นทางที่ปลอดภัย และเผยแพร่ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และโซเชียลมีเดียของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมอย่างต่อเนื่อง และมิติที่ 5 การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร และเครื่องจักรกล เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยง จัดเตรียมเครื่องจักรกลหนัก เช่น รถบรรทุก รถขุด พร้อมเข้าดำเนินการเมื่อมีความจำเป็น และสนับสนุนหน่วยเคลื่อนที่เร็ว (Mobile Units) สำหรับช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉิน
“ได้ขอให้ทุกหน่วยงานจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมงจนกว่าสถานการณ์จะสงบ กระทรวงคมนาคมจะไม่นิ่งเฉยในยามที่ประชาชน และประเทศต้องเผชิญกับความไม่มั่นคง เราพร้อมระดมทุกทรัพยากร ทั้งคน เครื่องจักร และระบบขนส่ง เพื่อให้ความช่วยเหลือเข้าถึงประชาชนอย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด เพราะความปลอดภัย และความเป็นอยู่ของประชาชนคือสิ่งสำคัญสูงสุดที่เราจะไม่ละเลย” นายสุริยะ กล่าว.