ปรับใหญ่ “ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น” ผ่านพาร์ทเนอร์ ตั้งเป้าโต 30% (Cyber Weekend)
ย้อนไปเมื่อปี 2019 ฟูจิฟิล์มได้เข้าซื้อหุ้นที่เหลือ 25% จากบริษัทซีร็อกซ์ คอร์ปอเรชั่น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากแบรนด์ “ฟูจิ ซีร็อกซ์” มาเป็นฟูจิฟิล์ม บิสิเนส อินโนเวชั่น หรือ FujiFilm BI ที่กลายเป็นบริษัทภายใต้ฟูจิฟิล์ม กรุ๊ป โดยตรง
การเปลี่ยนแปลงนี้มีแรงกระเพื่อมสูงมาก เพราะ ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น คือผู้สร้างรายได้หลักของกลุ่ม โดยแผนกการผลิตภาพ (กล้อง) สร้างรายได้เพียง 17% ของรายได้รวมของฟูจิฟิล์ม แต่ฟูจิฟิล์ม บิสิเนส อินโนเวชั่น เพียงอย่างเดียวก็สร้างรายได้ 38% ของรายได้ทั้งหมดของฟูจิฟิล์ม กรุ๊ป
หลังจากปรับโครงสร้างและกลยุทธ์ธุรกิจหลายด้าน วันนี้ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่นประกาศว่าได้เสร็จสิ้นโครงการ “Channel Transfer Project” ทั่วประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะพลิกโฉมการให้บริการและการขายเครื่องพิมพ์รุ่นใหญ่ “มัลติฟังก์ชัน A3” ประมาณ 10,000 เครื่องใน 66 จังหวัด จากการดำเนินงานโดยตรงไปสู่พันธมิตรทางธุรกิจในท้องถิ่น โดยตั้งเป้าการเติบโต 20-30% ในการขยายตลาดผ่านชาแนล ทั้งผู้จัดจำหน่าย (ดิสทริบิวเตอร์) และตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์)
***จากขายตรง สู่การขายผ่านชาแนล
กว่า 58 ปีแล้วที่ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น ลงหลักปักฐานในไทยจากการร่วมทุนระหว่าง ฟูจิฟิล์ม ฟิล์มสีชื่อดังจากญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจตั้งแต่ปี 1934 และซีรอกซ์คอร์ปอเรชัน ผู้คิดค้นเครื่องถ่ายเอกสารจากอเมริกา โดยฟูจิซีรอกซ์ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อบุกตลาดในญี่ปุ่นและเอเชีย จนเติบโตอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางพนักงานเกิน 1,000 คน ช่างบริการกว่า 300 คน และเซลล์แบบไดเร็กต์เซลส์ (Direct Sales) กว่า 200-300 คน ที่เข้าไปนำเสนอสินค้าแบบ B2B ให้กับลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งจากนี้เซลส์จะขยับไปเป็นที่ปรึกษาให้ดิสทริบิวเตอร์และดีลเลอร์แทน
นายมาซาอากิ ยานากิย่า ประธานบริษัท ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าการแต่งตั้งเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายและบริการเครื่องพิมพ์แบรนด์ฟูจิฟิล์มอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ เป็นก้าวสำคัญสำหรับบริษัทที่จะสามารถเข้าถึงและสนับสนุนลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“บริษัทฯ จะยังคงรักษามาตรฐานคุณภาพ พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านโซลูชันสำนักงานและเครื่องพิมพ์ในประเทศไทย””
นายฮายาโตะ ซึโบอิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงสถานการณ์ภาพรวมตลาดเครื่องพิมพ์และถ่ายเอกสารในประเทศไทยในยุคนี้ว่า8203; ตลาดยังคงมีการเติบโตเล็กน้อย โดยคาดการณ์ปี 2025 จะมีมูลค่าตลาดรวม 1,990 ล้านบาท มีโอกาสเติบโตในอัตรา 1.2% ในปี 2026 ที่สำคัญคือ จำนวนเครื่องพิมพ์ที่ติดตั้งในไทยไม่ได้ลดลงเลย เพราะทุกองค์กร เช่น ธนาคาร ยังคงจำเป็นต้องมีเครื่องพิมพ์สำหรับการดำเนินงาน แม้ว่าปริมาณการพิมพ์โดยรวมจะลดลงก็ตาม
ความต้องการของตลาดที่สูง ทำให้ ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น ทำรายได้เกิน 38% ของรายได้รวมทั้งกลุ่ม โดยฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่นมี 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ Business Solution, Office Solution Business ที่คนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยจากเครื่องถ่ายเอกสารและเครื่องพิมพ์ของ FujiXerox เดิม และ Graphic Communications สำหรับอุตสาหกรรมการพิมพ์
ในส่วนของตลาดเครื่องพิมพ์ ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่นยังคงรักษาตำแหน่งอันดับ 1 ในตลาดโดยรวมด้วยส่วนแบ่ง 24% และเน้นที่ตลาดเครื่องพิมพ์สี โดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 30% ในขณะที่เครื่องขาว-ดำ ซึ่งไม่ใช่โฟกัสหลัก มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 11%
เพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของตลาด ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่นได้ลดพนักงานลงแล้วดึงพันธมิตรมาเป็นอาวุธ โดย ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น ตัดสินใจปรับรูปแบบการดำเนินงานทั่วประเทศด้วยโครงการ Channel Transfer Project ที่แบ่ง 77 จังหวัดทั่วไทยออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือพื้นที่ Metro Bangkok (11 จังหวัด) ได้แก่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล และบางส่วนของภาคตะวันออก (ชลบุรี, ระยอง, ฉะเชิงเทรา, ปราจีนบุรี) ยังคงใช้กลยุทธ์เดิมคือ Direct Sale และ Direct Service Operation โดยพนักงานขายและช่างบริการยังคงเป็นพนักงานของบริษัท 100%
สำหรับพื้นที่ 66 จังหวัดที่เหลือ ซึ่งรวมถึงภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคใต้ จะถูกถ่ายโอนให้ Business Partner ดูแล
นายสุจริต จันทกูล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจช่องทางจัดจำหน่าย บริษัท ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ยอมรับว่าโครงการนี้มีความสำคัญ เพราะบริษัทมีฐานลูกค้าปัจจุบันในต่างจังหวัดกว่า 5,000-6,000 บริษัท และมีเครื่องติดตั้งอยู่กว่า 10,000 เครื่อง การตัดสินใจถ่ายโอนนี้มาจากความต้องการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการครอบคลุมตลาด และเป็นการส่งต่อ "ความไว้วางใจ" ที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ฟูจิฟิล์ม
หลังจากการคัดเลือกพันธมิตรอย่างพิถีพิถัน โครงการนี้เริ่มจากการให้พันธมิตร เข้ามารับผิดชอบการบริการเครื่องให้กับลูกค้าเดิมของฟูจิฟิล์มก่อน ซึ่งรวมถึงลูกค้ารายใหญ่ เช่น ธนาคาร, HomePro, SCG, บริษัทประกันชีวิต ที่มีสาขาทั่วประเทศ หลังจากที่พันธมิตรได้พิสูจน์ความสามารถด้านบริการแล้ว จึงจะเข้าสู่เฟสที่ 2 คือการรับผิดชอบเรื่องการขายและการต่อสัญญาใหม่การเปลี่ยนผ่านนี้ต้องเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ
ฟูจิฟิล์มย้ำว่าบริษัทให้ความสำคัญอย่างมากกับการรักษามาตรฐาน โดยมีการ ฝึกอบรมช่างของพันธมิตรอย่างเข้มข้นถึง 1 เดือนเต็มและต้องผ่านการสอบรับรองมาตรฐาน (Certified) ก่อนจึงจะสามารถให้บริการได้ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะยังคงได้รับบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกับที่ฟูจิฟิล์มให้บริการโดยตรง รวมถึงการให้คำแนะนำด้านภาพลักษณ์เพื่อให้พันธมิตรดูเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือ
การดำเนินงานได้เริ่มเป็นลำดับตั้งแต่เฟสแรก เริ่มที่ภาคเหนือ กับบริษัท เอส.เค. โอเอ เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งมีประสบการณ์ในพื้นที่กว่า 30 ปี รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือและกลาง รวมทั้งสิ้น 23 จังหวัด เฟสต่อมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง กับห้างหุ้นส่วนจำกัด อุบลไอเฟค และ บริษัท จี-บิซ ดิจิทัล โซลูชั่น จำกัด ดูแลรวม 20 จังหวัด บริษัท เฟรนด์ โอเอ เซ็นเตอร์ จำกัด รับผิดชอบพื้นที่ภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันตก รวม 8 จังหวัด และบริษัท เฟรนด์ กรุ๊ป บิสซิเนส อินโนเวชั่น จำกัด ดูแลพื้นที่ภาคใต้ ครอบคลุมจำนวน 12 จังหวัด
ทุกเฟสของโครงการนี้ถือว่าสำเร็จสมบูรณ์แล้ว โดยสามารถถ่ายโอนการดูแลเครื่องกว่า 10,000 เครื่องให้กับกลุ่มพันธมิตร คาดการณ์ว่าธุรกิจผ่านช่องทางพันธมิตรนี้จะเติบโตขึ้นถึง 20-30% ซึ่งเป็นการเติบโตที่เกิดจากการโยกย้ายปริมาณงานจาก Direct Sale เดิมของบริษัทมายังฝั่งของ Channel Partnership และการขยายตลาดสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยพันธมิตร
***อนาคตยังโตต่อ
แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ แต่ ฟูจิฟิล์มตั้งเป้าที่จะรักษาการเติบโตของบริษัทโดยรวมให้ไม่ต่ำกว่า GDP ของประเทศไทย
“บริษัทกำลังปรับกลยุทธ์การผลิต โดยมีการ ย้ายฐานการผลิตเครื่องพิมพ์บางส่วนจากจีนไปยังเวียดนามและญี่ปุ่น และกำลังพิจารณาพัฒนาโรงงานในสหรัฐฯ ด้วย เพื่อลดความเสี่ยงจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในจีนและผลกระทบจากกำแพงภาษี” ฮายาโตะ กล่าว
สิ่งสำคัญที่สุดที่ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น จะโฟกัสคือการมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจซอฟต์แวร์และโซลูชันดิจิทัล เนื่องจากลูกค้าต้องการวิธีทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็น Digital Solution Consultant ที่ไม่ได้แค่ขายเครื่อง แต่ยังนำเสนอโซลูชันเวิร์กโฟลว์ (Workflow Solutions) ที่หลากหลายทั้งกลุ่มโซลูชัน RPA (Robotic Process Automation) หุ่นยนต์ที่ช่วยทำงานซ้ำซ้อน, Document Management System ระบบจัดการเอกสาร, Cloud Printing & Security การพิมพ์ผ่านคลาวด์และการจัดการความปลอดภัยการพิมพ์ (เช่น ใครมีสิทธิ์พิมพ์สี/ขาวดำ) และ Scan Solutions โปรแกรมที่เชื่อมต่อกับเครื่องพิมพ์เพื่อลดขั้นตอนการทำงานของผู้ใช้งาน
ปัจจุบัน ธุรกิจ Indirect (ผ่านพันธมิตร) ทำรายได้ให้ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่นราว 15% แต่ภายใน 3 ปี ตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 21-22% ตัวเลขนี้มีโอกาส เพราะจุดแข็งของพันธมิตรและตลาดต่างจังหวัด กำลังเพิ่มความได้เปรียบให้ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น โดยไม่เพียงเข้าใจตลาดและใกล้ชิดลูกค้า แต่ยังสามารถให้บริการครบวงจร คู่กับการขยายฐานลูกค้าใหม่ ให้บริการทั้งแบบเช่าใช้และจ่ายตามจริง
เชื่อว่าการปรับใหญ่ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น ประเทศไทยครั้งนี้ จะทำให้บริษัทยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดเครื่องพิมพ์ A3 อย่างต่อเนื่อง.
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO