โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

EU จะรับมือไหวหรือไม่ ทรัมป์งัดไม้แข็ง ขู่ภาษี 30% เสี่ยงฉุดศก.ทรุดยาว

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สหภาพยุโรป (EU) เผชิญความเสี่ยงทางเศรษฐกิจระลอกใหม่ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เตรียมเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรปสูงถึง 30% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้ นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจซ้ำเติมความเปราะบางของเศรษฐกิจยุโรปที่อยู่ในภาวะชะลอตัวอยู่แล้ว และอาจส่งผลต่อเนื่องในวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลก

ผู้นำยุโรปยังคงยึดแนวทางเจรจา โดยคณะกรรมาธิการยุโรปที่ประชุมในกรุงบรัสเซลส์เมื่อวันอาทิตย์ ตัดสินใจชะลอการตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีไว้ก่อน พร้อมแสดงความหวังว่าจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกับสหรัฐฯ ได้ก่อนที่มาตรการใหม่จะมีผลใช้จริง

“เราจะยังคงเดินหน้าเจรจาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเตรียมมาตรการตอบโต้ไว้ทุกเมื่อหากจำเป็น” เออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าว

นักวิเคราะห์จาก ING Bank ชี้ว่าภาษีในอัตรา 30% นี้อาจส่งผลให้เศรษฐกิจยูโรโซนชะงักยาว และมีแนวโน้มเผชิญภาวะเศรษฐกิจหดตัวต่อเนื่อง ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรปได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของยูโรโซนในปี 2025 เหลือเพียง 0.9% จาก 1.3% ที่เคยคาดไว้ในปี 2024 โดยให้เหตุผลว่ามาจากภาษีที่เพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนที่เกิดจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงบ่อย

มาตรการภาษีของทรัมป์จะกระทบอุตสาหกรรมยุโรปหลายกลุ่มอย่างรุนแรง ตั้งแต่น้ำองุ่นและสินค้าแบรนด์หรู ไปจนถึงเคมีภัณฑ์และเวชภัณฑ์ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังคงอัตราภาษี 25% สำหรับรถยนต์นำเข้าจากยุโรป (นอกเหนือจากอัตราพื้นฐาน 2.5%) และภาษี 50% สำหรับอะลูมิเนียมและเหล็กกล้า ซึ่งสร้างภาระต้นทุนเพิ่มเติมอย่างมากให้แก่ภาคอุตสาหกรรม

แม้สถานการณ์จะดูเลวร้าย แต่อุตสาหกรรมและผู้นำยุโรปยังพยายามหาทางบรรเทาผลกระทบ โดยมอริทซ์ ชูลาริก ประธานสถาบันเศรษฐกิจโลกเมืองคีล ให้ความเห็นว่า ภาษีจากทรัมป์ส่งผลต่อคู่ค้าหลายประเทศ เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ทำให้ผู้ประกอบการสหรัฐฯ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงต้นทุนสินค้านำเข้าได้ และจำเป็นต้องแบกรับราคาที่สูงขึ้นเอง

นอกจากนี้ ประเทศทางตอนใต้ของยุโรปอย่างสเปนและอิตาลีอาจได้รับผลกระทบน้อยกว่าชาติอุตสาหกรรมทางเหนือ เช่น เยอรมนีและฝรั่งเศส เนื่องจากมีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ต่ำกว่า อีกทั้งยุโรปยังเพิ่มงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานและกลาโหมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

เยอรมนีในฐานะเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป เริ่มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินนับแสนล้านยูโร โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 1.5% ในปีหน้า ถึงแม้การเก็บภาษีครั้งใหม่นี้อาจทำให้ GDP ลดลงราว 0.5% แต่นักเศรษฐศาสตร์มองว่ายังอยู่ในระดับที่ “รับมือได้”

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนเมษายน ทรัมป์เคยขู่เก็บภาษี 20% กับสินค้าจากยุโรป แต่สุดท้ายลดลงเหลือ 10% ทำให้ธุรกิจยุโรปเริ่มปรับตัวตามอัตราดังกล่าว แต่การขยับตัวอีกครั้งเป็น 30% ทำให้ภาคธุรกิจหลายฝ่ายแสดงความกังวลรุนแรง

สมาพันธ์อุตสาหกรรมเยอรมนี (V.D.A.) เรียกภาษีใหม่นี้ว่า “น่าเสียใจ” และเรียกร้องให้เจรจาหาทางออกโดยเร็ว ขณะที่ BusinessEurope องค์กรตัวแทนบริษัทใหญ่ของยุโรปมองว่า การเก็บภาษี 30% อย่างต่อเนื่อง “ไม่อาจยอมรับได้”

สินค้าสำคัญจากประเทศอย่างฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน โดยเฉพาะไวน์ สุรา และผลิตภัณฑ์เกษตร ก็เผชิญแรงกระแทกอย่างหนัก ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์คอนญักของฝรั่งเศส 90% ถูกส่งออกไปสหรัฐฯ การสูญเสียตลาดนี้จึงเท่ากับตัดเส้นเลือดใหญ่ของอุตสาหกรรม

ผู้นำยุโรปเริ่มแสดงท่าทีตอบโต้ประธานาธิบดีทรัมป์อย่างจริงจัง ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสกล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า หากทรัมป์ไม่ถอยจากภาษี 30% ยุโรปควรใช้มาตรการภาษีตอบโต้เช่นกัน ด้านนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ แห่งสเปนระบุว่า “การค้าเสรีนำมาซึ่งความมั่งคั่ง ส่วนภาษีที่ไม่เป็นธรรมมีแต่จะทำลายมัน”

ทรัมป์ยังได้ส่งจดหมายถึงประเทศคู่ค้าอีก 23 แห่ง รวมถึงแคนาดา ญี่ปุ่น และบราซิล โดยประกาศภาษีหลากหลายตั้งแต่ 20% ถึง 50% พร้อมกำหนดภาษีพิเศษ 50% สำหรับทองแดง และยืนยันว่าภาษี 30% นี้ “แยกต่างหาก” จากภาษีเฉพาะกลุ่ม เช่น รถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียม ซึ่งจะยังคงอยู่

แม้จะมีเสียงคัดค้านจากทั้งยุโรปและเม็กซิโก ทรัมป์ยังเดินหน้าท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่ง และตลาดหุ้นทำจุดสูงสุดใหม่ เขาเคยสัญญาว่าจะใช้เวลา 90 วันเจรจาข้อตกลงใหม่หลายฉบับ แต่จนถึงปัจจุบันมีเพียงกรอบข้อตกลงกับอังกฤษ จีน และเวียดนาม

นักวิเคราะห์จากยุโรปเตือนว่าหากไม่มีการถอยหลัง การตอบโต้แบบ “ตาต่อตา” อาจบานปลายเหมือนสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในอดีต ที่เคยเขย่าตลาดการเงินมาแล้ว

ในอีกด้านหนึ่ง ภาษีที่เก็บเพิ่มเหล่านี้ได้สร้างรายได้หลายหมื่นล้านดอลลาร์ให้รัฐบาลสหรัฐฯ โดยรายได้จากภาษีนำเข้าสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณปัจจุบัน แต่มูลค่าทางเศรษฐกิจที่ได้มาอาจต้องแลกด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ร้าวลึก โดยญี่ปุ่น แคนาดา และพันธมิตรยุโรปหลายชาติเริ่มทบทวนความร่วมมือทางความมั่นคง และหันไปมองทางเลือกใหม่ที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ อีกต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ท่องเที่ยวเลื่อนเก็บ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” นักท่องเที่ยวต่างชาติ ออกไปเป็นปีหน้า

28 นาทีที่แล้ว

ส่องเทรนด์งานมาแรง คำค้นหายอดฮิต ครึ่งปีแรก บน Jobsdb by SEEK

36 นาทีที่แล้ว

“ภาษีทรัมป์” เขย่า SME! ฉุดส่งออกร่วง 30% กระทบลงทุน-แรงงานไทย

45 นาทีที่แล้ว

กัมพูชาเล็งใช้กฎหมาย "บังคับเกณฑ์ทหาร" เริ่มปี 2569 เสริมแกร่งกองทัพ

53 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่นๆ

นาทีชีวิต เจ้าหน้าที่วิดีโอคอลช่วยทารก 7 วัน สำลักนมจนหน้าเขียว รอดหวุดหวิด

สยามนิวส์

อย่าหยาบคายใส่ผม! "ฮุน เซน" ลั่น “ทักษิณ” เคยนำเอกสารลับสมัยรัฐบาล “อภิสิทธิ์” มาให้

THE ROOM 44 CHANNEL

มวส้มหน้าบึ้ง กลับบ้านหลังหายไปนาน เจ้าของดีใจแต่เจอหน้าเซ็งอย่างแรง

สยามนิวส์

แรง "ทรัมป์" หนุนบิตคอยน์ทำนิวไฮทะลุ 120,000 ดอลลาร์ครั้งแรก

Thai PBS

ดาว OnlyFans ถูกเจ้าของไล่ออกจากห้อง หลังเข้าใจผิด คิดว่าถ่ายคลิปสยิว

อีจัน

“บิตคอยน์”ทุบสถิติทะลุ 1.2 แสนดอลล์ครั้งแรก

สยามรัฐ

‘หวังอี้-ลาฟรอฟ’ หารือยุติสงครามยูเครน และตะวันออกกลาง ชื่นชมความสัมพันธ์แบบมีวุฒิภาวะ ‘จีน-รัสเซีย’ มั่นคงที่สุดในโลก

THE STATES TIMES

พ่อปากีสถานใจเหี้ยม ยิงลูกสาว วัย 16 ปีดับ หลังเธอปฏิเสธลบบัญชี TikTok

Khaosod

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...