“กัณฑรา” มอง SET ฟื้นตัว! ลุ้นแตะ 1,290 จุด แนะสะสมหุ้น “บิ๊กแคป” พื้นฐานแกร่ง
นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ว่า บรรยากาศตลาดหุ้นไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ หลังผ่านความผันผวนช่วงก่อนหน้าที่นักลงทุนกังวลเรื่องนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะมาตรการที่อาจกระทบต่อภาคการส่งออกและบรรยากาศการลงทุนในตลาดเกิดใหม่
นายกัณฑรา ระบุว่า ดัชนี SET มีการเคลื่อนไหวแบบเหวี่ยงตัวแรงในช่วงก่อนหน้า ก่อนจะดีดกลับจากแนวรับสำคัญบริเวณ 1,229 จุด และสามารถยืนปิดในแดนบวกได้อย่างแข็งแกร่ง สะท้อนถึงการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุน หลังมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับอัตราภาษีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศใช้ ซึ่งอยู่ในระดับ 18–19% ตามคาดการณ์เดิม ทำให้ตลาดไม่เกิดแรงขายแบบ Sell on Fact รุนแรงอย่างที่กังวลในตอนแรก
นอกจากนี้ ปัจจัยพื้นฐานของตลาดไทยยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับภูมิภาค โดยเฉพาะในเชิงมูลค่า (Valuation) ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทั้งในแง่ของ P/E และ P/BV ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยมีการเกิดรูปแบบ Double Bottom และมีแนวโน้มยกโล (Higher Low) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อทิศทางตลาดในระยะถัดไป
นายกัณฑรา มองว่าดัชนี SET มีโอกาสขยับขึ้นทดสอบระดับ 1,290 จุด ได้ภายในไตรมาส 3/2568 โดยมีแรงสนับสนุนจากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการคลี่คลายของสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แนวโน้มดอกเบี้ยโลกที่เริ่มทรงตัว รวมถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งหลังของปี ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่เผชิญกับภาวะชะลอตัวจากภัยธรรมชาติและกำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่
โดยแง่ของกลยุทธ์การลงทุน นายกัณฑรา แนะนำให้นักลงทุน เน้นเลือกหุ้นที่ยังไม่สะท้อนมูลค่าพื้นฐานอย่างเต็มที่ หรือกลุ่มที่เรียกว่า Lagging Stocks ซึ่งหมายถึงหุ้นที่ราคายังไม่ได้ปรับขึ้นตามพื้นฐานของบริษัท ทั้งที่มีศักยภาพการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) ที่เคยถูกแรงขายในช่วงก่อนหน้า เช่น AOT, DELTA, KBANK, CPN, CPALL, GULF, PTT และ ADVANC ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการ “แบกตลาด” ในรอบฟื้นตัวนี้ และยังคงมี Upside จาก Valuation ที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับอดีต
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจับตาปัจจัยการเมืองภายในประเทศในช่วงเดือนสิงหาคม–กันยายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญของกระบวนการพิจารณางบประมาณแผ่นดิน ประกอบกับข้อกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาล คุณกัณฑรามองว่า แม้ประเด็นทางการเมืองอาจสร้างความผันผวนระยะสั้น แต่ตลาดทุนไทยน่าจะสามารถรับมือได้ หากรัฐบาลสามารถผลักดันการทำงานที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาปากท้องได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการฟื้นฟูความเชื่อมั่นภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐ
พร้อมกันนี้ยังแนะนำให้ติดตามพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศในช่วงเดือน ส.ค.–ก.ย.นี้ โดยเฉพาะการดำเนินการด้านงบประมาณและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีผลต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวม โดยนายกัณฑราเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยยังสามารถรับมือกับประเด็นการเมืองได้ หากรัฐบาลยังคงเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างมีเสถียรภาพ