บอร์ดอีวี ปรับเกณฑ์ EV3-EV3.5 จูงใจผลิต-ส่งออกยานยนต์ไฟฟ้า
บอร์ด EV ปรับเกณฑ์ EV3-EV3.5 เห็นชอบปรับเงื่อนไขผลิตชดเชยยานยนต์ไฟฟ้า-ขยายเวลาจดทะเบียน
ปรับเกณฑ์ผลิตชดเชยการส่งออก
คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) เห็นชอบให้กรมสรรพสามิต ปรับเงื่อนไขในการคำนวณจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตชดเชยภายใต้มาตรการ EV3 และ EV3.5 โดยให้ผลิต 1 คัน นับเป็นการผลิตชดเชย 1.5 คัน สำหรับยานยนต์ที่ผลิต และส่งออกไปต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2568 ตามข้อเสนอของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าขยายตลาดส่งออก โดยคาดว่าจะทำให้จำนวนการส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณปีละ 12,500 คัน ในปี 2568 และ 52,000 คัน ในปี 2569
ขยายเวลาจดทะเบียน
นอกจากนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการจดทะเบียนยานยนต์ที่จำหน่ายในช่วงเวลาสิ้นปี บอร์ด EV ได้เห็นชอบให้กรมสรรพสามิตขยายเวลาการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ ภายใต้มาตรการ EV3 และ EV3.5 ออกไปอีก 1 เดือน ดังนี้
- มาตรการ EV3 ให้จดทะเบียนภายในวันที่ 31 ธค. 2568 เป็นจำหน่ายภายในวันที่ 31 ธค.2568 และจดทะเบียนภายในวันที่ 31 มค. 2569
- มาตรการ EV3.5 จากเดิมให้จดทะเบียนภายในวันที่ 31 ธค. 2570 เป็นจำหน่ายภายในวันที่ 31 ธค. 2570 และจดทะเบียนภายในวันที่ 31 มค. 2571
หลักเกณฑ์จ่ายเงินอุดหนุน
บอร์ด EV ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลการจ่ายเงินอุดหนุนของกรมสรรพสามิตตามมาตรการ EV3 และ EV3.5 เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ดังนี้
1. สำหรับผู้เข้าร่วมมาตรการ EV3 ที่ไม่ขยายเวลาผลิตชดเชย ให้จัดทำแผนคาดการณ์การผลิตชดเชย และรายงานผลการผลิตชดเชยเป็นรายเดือน โดยกรมสรรพสามิตจะยับยั้งการจ่ายเงินอุดหนุนจนกว่าจะผลิตชดเชยสะสมได้ตั้งแต่ 50 % ของจำนวนที่ต้องผลิตชดเชยทั้งหมด และผลิตได้ตามแผนคาดการณ์
ในกรณีผู้เข้าร่วมมาตรการ EV3 ที่จะขยายเวลาผลิตชดเชย หรือผู้เข้าร่วมมาตรการ EV3.5 จะต้องจัดทำแผนคาดการณ์การผลิตชดเชย โดยผู้เข้าร่วมมาตรการ EV3 ที่ขยายเวลา ต้องวาง Bank Guarantee 20 ล้านบาท สำหรับบริษัทที่มีทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาทขึ้นไป และ 40 ล้านบาท บริษัทที่มีทุนจดทะเบียนต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท โดยกรมสรรพสามิตจะยับยั้งการจ่ายเงินอุดหนุน หากผู้ได้รับสิทธิ์มียอดการผลิตชดเชยสะสมต่ำกว่าสัดส่วนที่กำหนด
2. ให้ผู้เข้าร่วมมาตรการ EV3 ที่จะขยายเวลาผลิตชดเชย สามารถจัดหาโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติมจากเดิมได้ เพื่อให้สามารถผลิตชดเชยได้ภายในเวลาที่กำหนด
3. ให้ผู้เข้าร่วมมาตรการ EV3 และ EV3.5 สามารถทบทวนการขอรับสิทธิ์ และการนับจำนวนการนำเข้าเพื่อการผลิตชดเชยได้ โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้นำเข้า และจดทะเบียนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินอุดหนุน บริษัทสามารถเลือกที่จะคืนส่วนต่างทางภาษีสรรพสามิต พร้อมเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม เพื่อที่จะไม่ต้องนับเป็นยอดในการผลิตชดเชย
การปรับปรุงหลักเกณฑ์ของบอร์ด EV ครั้งนี้ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในการวางแผนธุรกิจ และเป็นโอกาสสำคัญในการผลักดันประเทศไทยให้เป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการส่งออกในระดับภูมิภาค และระดับโลก สอดรับกับเป้าหมาย 30@30 โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดโลกยังเผชิญความผันผวน ทั้งด้านความต้องการ เทคโนโลยี และภูมิรัฐศาสตร์ โดยยอดจดทะเบียนปี 2568 โต 52 % เงินลงทุน EV รวมกว่า 1.3 แสนล้านบาท
เปิดมาตรการ EV 3.5 ดันคนไทยหันมาใช้ "รถยนต์ไฟฟ้า"