“ไมเดีย” มั่นใจศักยภาพไทย เดินหน้าลงทุน ลุ้นรัฐเจรจาภาษีสหรัฐฯ
นายแจ๊ปสัน ไจ๋ ผู้อำนวยการ Midea Building Technology ไมเดีย ประเทศไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หากอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ที่ 36% จะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อผลิตภัณฑ์ของไทย โดยเฉพาะการชะลอตัวของการส่งออก เนื่องจากภาระภาษีที่สูงจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ลดลง และอาจลดแรงจูงใจของนักลงทุนบางกลุ่ม อย่างไรก็ตามมองว่าประเทศไทยมีจุดแข็งสำคัญในหลายด้านที่ช่วยประคองการเติบโตไว้ได้
“ไทยยังคงมีจุดแข็งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมกับการเป็นศูนย์กลางการผลิตในอาเซียน”
ทั้งนี้ไมเดีย ประเทศไทย ยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ลงทุนก่อตั้งโรงงานใหม่มูลค่ากว่า 2,200 ล้านบาท บนพื้นที่ 46 ไร่ ที่นิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซี ระยอง โดยเริ่มดำเนินการผลิตเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีกำลังผลิต 6 แสนเครื่องต่อปี โดยโรงงานแห่งนี้เน้นผลิตเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ ส่งออกไปสหรัฐในสัดส่วนกว่า 90% อย่างไรก็ดี บริษัทเตรียมแผนธุรกิจที่ยืดหยุ่นและแข็งแกร่งในการรับมือกับความท้าทายนี้
“เรามีความเชื่อมั่นในทีมเจรจาของรัฐบาลไทยที่เดินหน้าเจรจากับทางสหรัฐฯนอกจากนี้ ไมเดียยังมีการขยายตลาดในประเทศและภูมิภาคต่างๆ เพื่อลดการพึ่งพิงตลาดส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบ”
ปัจจุบัน ไมเดียมีโรงงาน Midea Thailand Smart Factory รวมถึงโรงงานอื่นๆ ในไทย รวมทั้งสิ้น 8 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมสูงถึง 4 ล้านเครื่องต่อปี ความสามารถในการผลิตจำนวนมากนี้ทำให้ไมเดียมีความยืดหยุ่นในการปรับสัดส่วนการขายระหว่างตลาดส่งออกและตลาดภายในประเทศ รวมถึงภูมิภาคอาเซียนที่มีศักยภาพสูง โดยบริษัทยังมุ่งมั่นในการยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับความต้องการของคนในประเทศและภูมิภาคอื่นๆ ที่กำลังให้ความสนใจ
เมื่อถามถึงกรณีที่ต่างชาติอาจหันไปลงทุนในเวียดนามมากขึ้นจากประเด็นกำแพงภาษี นายแจ๊ปสันยอมรับว่าเวียดนามอาจดึงดูดการลงทุนได้มากขึ้น แต่เขายังคงมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงไม่แพ้กัน
“แม้เวียดนามจะดึงดูดการลงทุนมากขึ้นจากประเด็นกำแพงภาษี แต่ไทยยังคงมีศักยภาพสูงทั้งในด้านฝีมือแรงงาน รวมไปถึงสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เราเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค”
นอกจากนี้ ตลาดผู้บริโภคในประเทศของไทยยังค่อนข้างเข้มแข็ง โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูงและโครงการเชิงพาณิชย์ หากไทยสามารถรักษาเสถียรภาพ นโยบายที่เอื้อต่อการลงทุน และแรงสนับสนุนจากภาครัฐ
“มองว่าโอกาสเติบโตในตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ยังมีอยู่มาก แม้มีแรงกดดันจากภูมิภาคใกล้เคียงก็ตาม”
นายแจ๊ปสัน ไจ๋ กล่าวอีกว่า โอกาสลดภาษียังคงมี หากรัฐบาลเดินหน้าเจรจาต่อเนื่อง ในประเด็นเรื่องความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะลดอัตราภาษีนำเข้าจาก 36% ลงเหลือ 25%, 20% หรือแม้แต่ต่ำกว่า 15%
“ขึ้นอยู่กับรัฐบาลในการเจรจา และนโยบายที่จะต่อรองกับทางสหรัฐฯ โดยส่วนตัวเขายังมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ทางสหรัฐฯ จะยอมลดกำแพงภาษีลง หรือยกเว้นภาษีในสินค้าบางประเภทเพื่อนำร่องไปสู่นโยบายการค้าที่ดีต่อกันในระยะยาว”
ไมเดีย ประเทศไทย ยังคงยึดมั่นในกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่คล่องตัว โดยใช้ความแข็งแกร่งจากฐานการผลิตในประเทศและการขยายตลาดที่หลากหลาย เพื่อรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ ท่ามกลางความท้าทายจากภูมิทัศน์การค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,117 วันที่ 27 - 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2568