โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

กอบศักดิ์ เตือนอย่าวางใจทรัมป์ ภาษี Transshipment ยังคลุมเครือ รับมือสินค้าจีนทะลัก

การเงินธนาคาร

อัพเดต 6 สิงหาคม 2568 เวลา 4.10 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กอบศักดิ์ เตือนอย่าประมาทแม้ไทยปิดดีลภาษีสหรัฐฯได้ 19 % ภาษี Transshipment ยังคลุมเครือ รับมือสินค้าจีนทะลัก

วันที่ 5 ส.ค.2568 นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล นายกสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย และประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยในงานมเสวนา “ Trump’s Tariffs: ไทยจะอยู่รอดได้อย่างไร ” ที่จัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย

นายกอบศักดิ์ กล่าวว่าอัตราภาษี 19%ที่สหรัฐฯเรียกเก็บจากไทยเป็นเพียงการสอบกลางภาค หรือ "ยกแรก" เท่านั้น

เนื่องจากยังมีความท้าทายรออยู่ข้างหน้า เช่นเรื่องของ BRICS, อัตราภาษีตามอุตสาหกรรม หรือค่าสินค้าส่งผ่านแดน (Transshipment) ที่ 40% เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย ดังนั้นรายละเอียดที่ยังคลุมเครืออยู่ตอนนี้ถือว่ามีนัยสำคัญ

โดยเฉพาะการที่สหรัฐฯ อาจพิจารณาปรับแก้คำจำกัดความ Transshipment ให้ครอบคลุมถึงชิ้นส่วนที่นำเข้ามาประกอบในประเทศไทยที่จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่พึ่งพาชิ้นส่วนจากจีน เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์

ขณะที่ปัจจุบันคำว่า Transshipment หมายถึงสินค้าที่ส่งเข้ามาเทียบท่าที่ไทยและถูกส่งต่อไปยังประเทศอื่น

นอกจากนี้หลายประเทศยังคงเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อหาข้อสรุปที่ดีกว่านี้ ดังนั้นอาจทำให้ยังไม่ได้เห็นตัวเลขภาษีที่แท้จริง โดยอัตราภาษี 19% ของไทยนั้นยังเป็นเพียงตัวเลขเบื้องต้น

นายกอบศักดิ์คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 เติบโต 1.5-2% หลังจากไทยบรรลุข้อตกลงด้านภาษีกับสหรัฐฯที่ 19% ซึ่งเป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าข้อเสนอของไทยจะไม่ได้ดีเท่าเวียดนามหรืออินโดนีเซียที่เสนอเปิดตลาดภาษี 0% ทุกรายการให้กับสหรัฐฯ แต่ไทยก็ยังได้อัตราภาษีที่สามารถแข่งขันกับภูมิภาคได้ และต่ำกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญอย่างจีนหรืออินเดีย ทำให้ภาคการส่งออกไทยยังไม่น่าเป็นห่วง แต่ก็ยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้

ด้านผลกระทบจากดีลการค้าของไทยกับสหรัฐฯ รัฐบาลอาจไม่ต้องเยียวยาภาคส่งออกมากเท่าที่เคยประเมินไว้เดิม เนื่องจากไทยได้อัตราภาษีต่ำกว่าที่คาดการณ์เดิมที่ 25%

ดังนั้นจึงควรเตรียมการจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมกับผู้ที่ได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะภาคเกษตร จากการเปิดรับสินค้าสหรัฐฯ รวมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ไทยที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากสินค้าจีนที่จะทะลักเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น

ทางออกที่ง่ายที่สุดคือกำหนดให้ 50% ของการจัดซื้อจัดจ้างจากภาครัฐเป็นสินค้าของ SMEไทยและผลิตในประเทศเป็นสำคัญ ใกล้เคียงกับกฎเกณฑ์ที่เคยทำในอดีต

รวมถึงการผลักดันการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วย SME ได้ดี และสนับสนุนให้ SME สามารถได้รับสินเชื่อได้ง่ายขึ้นเพื่อช่วยต่อลมหายใจให้กับผู้ประกอบการรายย่อย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก การเงินธนาคาร

MUFG ย้ำไทยยังเป็นตลาดสำคัญ จับมือ กรุงศรี หนุนอุตสาหกรรมไทยปรับโครงสร้างธุรกิจ

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“งานแต่งปลอม” เทรนด์ใหม่ในอินเดีย ปาร์ตี้สนุกเหมือนงานจริง แต่ไร้เจ้าบ่าวเจ้าสาว

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...