โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

หลังภาษีทรัมป์ชัด คาดดัชนีหุ้นไทย 1,280 จุด ชี้เป้าหุ้นกลุ่มลงทุนได้

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
หลักทรัพย์บัวหลวงประเมินหลังภาษีทรัมป์ชัดไทยได้ 19% แข่งขันกับประเทศภูมิภาคได้ แต่แนวโน้มหุ้นไทยจากนี้น่าจะเริ่มซีมซับกับผลกระทบที่จะเกิดกับเศรษฐกิจจริง ทำให้หุ้นไทยเข้าสู่โหมด wait and see เต็มตัว พร้อมแนะหุ้นกลุ่มน่าลงทุนได้ประโยชน์ในจังหวะนี้ และกลุ่มหุ้นที่ยังต้องระวัง

นายพิริยพล คงวาณิช นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนเพื่อบริหารความมั่งคั่ง สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หลังความชัดเจนของอัตราภาษีการค้ากับสหรัฐมีความชัดเจนที่ 19% แต่แนวโน้มตลาดจะปรับเข้าสู่โหมด wait and see เต็มตัว และขยับไปให้น้ำหนักกับผลกระทบจริงของมาตรการภาษี (รวมถึงการเมืองในประเทศ) การเร่งซื้อสินค้าล่วงหน้าหายไป กระทบส่งออกไทย ซ้ำเติมเศรษฐกิจในประเทศที่ยังอ่อนแอ จำกัดอัพไซด์ของตลาดหุ้นในระยะสั้น

ประเมินอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ( GDP ) ไทยปีนี้ คาดเติบโตที่ 1.4% และคาดกำไรหุ้นไทยจะเติบโตราว 6.6% (SET EPS อยู่ที่ 82 บาท) มองกรอบบนเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2568 นี้อยู่ที่ 1,280 (PER 15.7x, -0.5SD) หากตลาดปรับฐานประเมินกรอบล่างอยู่บริเวณ 1,160 จุด (อิง PER 14.2x, -1.0SD) คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบมากขึ้น

สำหรับกลุ่มหุ้นไหนที่ลงทุนได้ หรือกลุ่มไหนยังต้องระวังนั้น หลักทรัพย์บัวหลวงมองว่า การปรับฐานจะเป็นจังหวะ “เลือก” สะสม

1) กลุ่มที่มีสัดส่วนส่งออกไปสหรัฐฯสูง/มีความสามารถในการแข่งขันที่ดี หลังอัตราภาษีไทยใกล้อาเซียน แต่ราคาโดนกดดันหนักก่อนหน้านี้ เช่น กลุ่มส่งออกทูน่ากระป๋อง TU (40% ของรายได้ไปสหรัฐฯ)/ อาหารสัตว์เลี้ยง ITC (50%)

2) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าได้แก่ กลุ่มเนื้อสัตว์ การนำเข้าข้าวโพด/ถั่วเหลือง จากสหรัฐเพิ่ม (และจำกัดการนำเข้าเนื้อหมูเข้ามาเพียงเล็กน้อย) จะหนุนอัพไซด์ของกำไรปี 2569 ราว 14% (BTG +17%, TFG +14%, GFPT +12%, CPF +11%) ประเมินราคาข้าวโพดนำเข้าราคาต่ำกว่าเดิมราว 20%, ถั่วเหลืองต่ำกว่าราว 10%

ทั้งนี้ ในส่วนของหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม มองว่า มองเก็งกำไร “อย่างระมัดระวัง” แม้ระดับภาษีล่าสุดจะหนุน sentiment เชิงบวกระยะสั้น หลังภาษีนำเข้าสหรัฐ ล่าสุดบนสินค้าจีนยังสูงกว่าไทยราว 32% [จีน 55% vs ไทย 23% (MFN rate 4% + Recip. 19%)] เทียบช่วง trade war 1.0 ปี 2018 ที่ 17% อาจยังหนุนความน่าสนใจของไทยในฐานะฐานการผลิตทางเลือก

แต่คาดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (FDI) อาจชะลอตัวในระยะสั้น อยู่ในโหมด wait and see ในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า จาก 1) ภาษีจีนยังไม่ชัดเจนและคาดมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้อีก โดยภาษีที่เรียกเก็บจริงล่าสุดส่วนใหญ่ “ลดลง”ราวครึ่งนึงจากที่เคยประกาศวันที่ 2 เม.ย. ในขณะที่จีนอยู่ที่ 55% (จาก 34%) และ 2) ภาษีผ่านทาง (transshipment) 40% อาจทำให้ภาคธุรกิจต้องทบทวนแผนลงทุนใหม่

ขณะที่ประเด็นการนำเข้าพลังงานสหรัฐจะส่งผลบวกอย่างไรนั้น ประเมินว่า ผลประโยชน์เล็กน้อยสำหรับกลุ่มพลังงานที่ต้นทุนเป็นน้ำมันดิบ/LNG (โรงกลั่น/ปิโตรฯ/โรงไฟฟ้า) แม้ราคาพลังงานที่สหรัฐอาจถูกกว่า แต่หากรวมต้นทุนค่าขนส่ง ทำให้ต้นทุนรวมไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

ขับเคลื่อน “สัปดาห์นมแม่โลก 2568” หนุน “นมแม่ล้วน 6 เดือนแรก ไม่ต้องเสริมน้ำ”

28 นาทีที่แล้ว

"มิตซูบิชิ" ยื่นซื้อหุ้น "TU" เพิ่มเป็น 20% หวังใช้เครือข่ายระดับโลก หนุนธุรกิจ

37 นาทีที่แล้ว

"ธอส." ออกมาตรการ"พักชำระหนี้"นานสูงสุด 1 ปี

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กยศ. ระงับหนี้ให้ทหารกล้าพลีชีพ เหตุปะทะชายแดนไทย – กัมพูชา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

MG ครึ่งปีแรกยอดขายโต 28% สวนกระแสตลาด

การเงินธนาคาร

ซิตี้กรุ๊ป ปรับเพิ่มคาดการณ์ “ราคาทองคำ” แตะ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ใน 3 เดือน

การเงินธนาคาร

THAI คัมแบ็ก เปิดเทรดวันแรกพุ่ง 134% มูลค่าตลาดเฉียด 3 แสนล้าน

ประชาชาติธุรกิจ
วิดีโอ

พิชัย ชี้ ภาษีทรัมป์ 19% ทำให้ประเทศไทยแข่งขันได้ การลงทุนจากต่างประเทศ ยังมาต่อเนื่อง คาดจีดีพีโต 2-3%

BRIGHTTV.CO.TH

WICE ตั้งเป้ารายได้ปี 68 โตไม่ต่ำกว่า 15% รับเมกะเทรนด์ย้ายฐานผลิตสู่ไทย-อาเซียน

การเงินธนาคาร

BOI ดันเครดิตภาษีสู้กฎ Global Minimum Tax ดึงดูดนักลงทุนข้ามชาติ พร้อมอัดเงินหนุนสตาร์ตอัปเทคโนโลยีล้ำสมัย

สยามรัฐ

แบงก์ชาติ ผลักดันเศรษฐกิจเพื่อประชาชน-การเงินดิจิทัลปลอดภัย

เดลินิวส์

ตลาดรถ EV จีนสะเทือน! BYD ยอดส่งมอบร่วงครั้งแรกปี 2568 ท่ามกลางศึกราคาดุเดือด

การเงินธนาคาร

ข่าวและบทความยอดนิยม

ดูเพิ่ม
Loading...