ครม. เตรียมยกร่างฟ้องอาญา-แพ่ง กัมพูชา ในระดับโลก หลังเปิดฉากยิง หวังนำคนผิดมาลงโทษและเรียกค่าเสียหาย
วันนี้ (5 สิงหาคม) จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีข้อสั่งการจาก ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ดังนี้
- เรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมาย จากกรณีที่กัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์รุกรานอธิปไตยของไทย จนเกิดความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กำลังพลและทางราชการเป็นจำนวนมาก
ได้สั่งให้ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไป หารือร่วมกับหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย เช่น กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และอื่นๆ เพื่อดำเนินการทางกฎหมายทั้งทางอาญาและทางแพ่ง ทั้งในประเทศและระดับโลก รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ โดยให้เชิญเลขาธิการกฤษฎีกา เข้าร่วมประชุมเพื่อช่วยให้คำแนะนำทางกฎหมายในการดำเนินคดีกับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
รวมทั้งเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำดังกล่าว และแจ้งให้ประชาชนผู้เสียหายทราบถึงสิทธิในการฟ้องร้องคดีอาญา
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้มีการหยุดยิงแล้ว แต่การประชุม GBC ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ กำลังดำเนินการระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม และมีภารกิจภายในประเทศของหลายหน่วยงาน อาทิ
การเก็บกู้ วัตถุระเบิด ที่กองทัพกัมพูชายิงเข้ามา และยังมีหลงเหลืออยู่ในชุมชนและพื้นที่ของพลเรือน ขอให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทั้งกับเจ้าหน้าที่และประชาชน
ช่วงที่ผ่านมาพบ ‘โดรน’ ที่บินเข้ามามากผิดปกติ และฝ่าฝืนข้อห้ามที่ทางการประกาศไว้ ขอให้สำนักงานการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคม ร่วมกับฝ่ายความมั่นคง จัดระบบการรับแจ้งเหตุจากประชาชน และตรวจสอบข้อเท็จจริงหากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย ขอให้เร่งดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดทันที
ให้ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย เร่งประเมินสถานการณ์ร่วมกับ ศบ.ทก. ของรัฐบาล และกองทัพให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อให้ประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างปลอดภัย
เรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข่าวปลอม (Fake News) ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นและส่งผลกระทบรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดียในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความอ่อนไหว และประชาชนมีความต้องการทราบข้อมูลข่าวสาร ขอให้ทุกหน่วยงาน ช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนรับฟังข่าวสารด้วยความระมัดระวัง ให้ตรวจสอบก่อนที่จะส่งต่อข่าวหรือข้อมูล
สำหรับหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง ต้องมีผู้ติดตามข่าวสารตลอดเวลาเมื่อพบ Fake News จะได้แก้ไข หรือชี้แจง และตอบโต้ได้อย่างทันท่วงที และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ และติดตาม Fake News ที่ถูกเผยแพร่ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดโดยเร็ว รวมทั้งประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตามกฎหมายในกรณีที่มีความจำเป็นด้วย