คลังชงบอร์ด เคาะ4หมื่นล. ปั๊มเศรษฐกิจ
คลังชงบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เร่งถกเคาะใช้งบปั๊ม ศก. 4 หมื่นล้านบาท หลังขยักไว้รองรับสถานการณ์ระยะสั้น โอด อปท.ส่งตัวเลขทะลัก-กระจุกตัว
ที่กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลังเป็นประธานว่า มีการหารือถึงแนวทางในการพิจารณาจัดสรรเงินเพื่อใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับวงเงินที่เหลืออีกกว่า 4 หมื่นล้านบาท จากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการจัดสรรไปแล้ว 1.15 แสนล้านบาท โดยเบื้องต้นเม็ดเงินดังกล่าวสามารถใช้ในโครงการกระตุ้นและรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจในมิติต่างๆ ในหลายกรณี ซึ่งต้องเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและประชาชนเป็นหลัก
ทั้งนี้ เหตุผลที่ไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจเต็มวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท โดยมีการแบ่งไว้ 4 หมื่นล้านบาทนั้น เนื่องจากรัฐบาลต้องเตรียมไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดในการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจระยะใกล้ ไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะขยับดีขึ้นหรือแย่ลง รวมถึงก่อนหน้านี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้มีการส่งคำขอใช้งบประมาณเข้ามา ซึ่งไม่สอดคล้องในเรื่องตัวเลข และมีการกระจุกตัว ทำให้ต้องมีการพิจารณาแนวทางการจัดสรรงบประมาณกันใหม่
“เบื้องต้นยังต้องรอผลสรุปจากการประชุมวันนี้ ที่การประชุมในรอบก่อนหน้าได้มีการวางหลักเกณฑ์ในการจัดสรรงบประมาณ ทั้งเรื่องเงื่อนไขของเวลา ซึ่งด้วยกรอบของเวลาแล้วอย่างน้อยโครงการจะต้องผูกพันงบประมาณให้ได้ก่อนวันที่ 30 ก.ย.นี้ ต้องถูกต้องตามข้อกฎหมาย และต้องมีความเหมาะสม ซึ่งหากที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ วันนี้ (23 ก.ค.) มีข้อสรุป ขั้นตอนต่อไปจะต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาต่อ และหลังจากนั้นต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป” นายเผ่าภูมิระบุ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า วงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 หมื่นล้านบาท จะมีการนำไปช่วยเหลือและเยียวยาผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกาด้วยหรือไม่นั้น รมช.การคลัง กล่าวว่า รัฐบาลยังมีหน้าที่ในการทำให้เศรษฐกิจของประเทศแข็งแรงผ่านการดูแลโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว การปรับปรุงทุนมนุษย์ นั่นหมายความว่ายังต้องมีการพิจารณาการดูแลเศรษฐกิจในหลายๆ มิติ ไม่ได้มีแค่การดูแลผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐไม่ว่าจะเป็นทางตรงและทางอ้อมเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้มีการประเมินว่า เม็ดเงินจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ที่ได้มีการจัดสรรไปแล้ว 1.15 แสนล้านบาทนั้น จะสามารถเข้าสู่ระบบได้เต็มที่ตั้งแต่ไตรมาส 4/2568 ถึงไตรมาส 1/2569 ซึ่งจะช่วยให้ตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.4-0.5% ซึ่งถือว่าเม็ดเงินสามารถเข้าสู่ระบบได้ค่อนข้างเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะมีการประชุมในวันที่ 24 ก.ค. เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล.