บีเอ็มดับเบิลยู 'เอ็กซ์ 3' หรูได้ ลุยได้ สบาย ๆ แม้ไม่มีทาง
บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 3 นั้น บนท้องถนน ให้อารมณ์การขับขี่ทั้งสนุก จากสมรรถนะที่เหลือๆ สบาย เบาแรง เพราะควบคุมได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเกร็งอะไรมากมาย จับพวงมาลัยหลวม ๆ ก็สามารถเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ 2 ข้างทางได้ด้วยหางตา
แต่วันนี้ผมจะไม่พูดถึงการขับขี่บนทางเรียบทั่วไป แต่จะพามันออกนอกถนน ไม่ลองขับขี่ในรูปแบบออฟโรดกันทั้ง 2 รุ่น คือ รุ่น ดีเซลBMW X3 20d xDrive M Sport Pro และเบนซินตัวแรง X3 M50 xDrive
แม้ว่าจะมีน้อยคนที่จะนำรถค่าตัว 3.799 ล้านบาทในรุ่นดีเซล และ 4.499 ล้านบาทในรุ่น M50 ไปลุย แต่การลองแบบนี้ก็ทำให้รู้ว่ารถสามารถทำอะไรได้บ้าง และหากเหตุจำเป็นจะใช้งานมันได้อย่างไร
เช่น ระบบช่วยลงเนินเมื่อขับลงไปในเหมืองที่นำมาเป็นหนึ่งในสเตชั่นการลองขับ ทำให้ไม่ต้องใช้เบรก เพราะบางทีหากใครใช้ไม่ถูกต้อง การลงเนินนาน ๆ ไกล ๆ อาจมีปัญหากับเบรกเฟดได้
จากนั้นยังมีเส้นทางลุยน้ำ ซึ่งตรงนี้ผมขับรุ่นดีเซล ซึ่งใช้ความเร็วแบบวอล์คกิ้ง สปีด ก็ผ่านไปได้สบาย ๆ รวมถึงช่วงไต่ขึ้นทางชัน ไม่ต้องออกแรงอะไร
ที่ริมบ่อน้ำบนพื้นผิวกรวดหิน แฉะ ๆ ได้ลองการคุมรถโดยไม่มีตัวช่วยอย่าง DSC หรือระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ ซึ่งโดยปกติเมื่อสตาร์ทรถทุกครั้งมันจะทำงานอัตโนมัติ แต่เราเลือกที่จะตัดมันออกไปเพื่อไม่ให้ระบบเข้ามาแทรกแซงในจังหวะโอเวอร์สเตียร์ อันเดอร์สเตียร์ หรือการปั่นการลื่นของล้อที่แตกต่างกันในแต่ละล้อ
ก็เพื่อทำให้รู้ว่าโดยโครงสร้างหลักของรถ ช่วงล่างแบบ adaptive suspension พวงมาลัย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ บวกกับทักษะการควบคุม จะผ่านอุปสรรคไปได้ไหม
เป็นการขับขี่อ้อมกรวยไปมาเป็นเลข 8 โดยเมื่อหักพวงมาลัยให้สุดก็กดคันเร่งให้มิด เป็นการแกล้งรถให้เกิดอาการท้ายออกหรือโอเวอร์เสตียร์ และก็ทำให้รู้ว่าในการขับขี่จริง เรื่องของการใช้คันเร่งนั้นสำคัญ โดยเฉพาะในทางลื่น ๆ
เมื่อรถโอเวอร์สเตียร์ จากนั้นก็อยู่ที่การคุมรถ คุมพวงมาลัย ให้รถอยู่ในเส้นทางให้ได้ และแรงที่กดคันเร่งแบบเต็มที่ต่อเนื่อง สักพักสิ่งที่ตามาคือ อันเดอร์สเตียร์ หน้ารถหนีออกจากเส้นทาง ก็แก้ได้ไม่ยากด้วยการผ่อนคันเร่ง ทำให้น้ำหนักรถถ่ายไปด้านหน้า เกิดแรงกด ทำให้ล้อหน้ายึดเกาะกับเส้นทางได้ดีขึ้น ก็ช่วยให้ควบคุมรถได้ต่อ
ขณะที่ M50 xDrive ลองขับแบบจิมคาน่า เส้นทางมีทั้งโค้งทั้งโค้งสลับต่อเนื่อง โค้งแคบ ๆ โค้งเกือบจะยูเทิร์น และโค้งกว้าง ขับรอบกรวยแบบโดนัท และจบท้ายด้วยการเบรกให้อยู่ในระยะที่กำหนด
เริ่มแรกขับแบบมีตัวช่วยคือDSC ซึ่งเห็นได้ชัดว่าทางลื่น ๆ ที่เป็นทราย กรวด หินลอย การช่วยเหลือของ DSC ช่วยได้มาก เพราะระบบจะเข้ามาแทรกแซงไม่ว่าจะเป็นการส่งแรงเบรกไปที่ล้อต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ลดการส่งกำลังจากเครื่องยนต์
ทำให้ควบคุมรถไปในเส้นทางต่าง ๆ ทำได้ไม่ยาก รถเหมือนจะโอเวอร์ หรือ อันเดอร์ ในบางจังหวะ แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะระบบเข้ามาช่วยเหลือ
และหลังจากนั้นก็ปิด DSC เช่นกัน ให้ช่วงล่าง Adaptive M Suspension ได้ทำงานเต็มที่
เมื่อถึงทางโค้ง เข้าไปด้วยความเร็วพอประมาณ ถึงกลางโค้ง ล้อหน้ายังอยู่ในองศาการเลี้ยว กดคันเร่งเต็มที่ให้รถเสียหลัก ท้ายกวาดออกไป แล้วจึงใช้พวงมาลัยควบคุม หมุนพวงมาลัยไปทางเดียวกับล้อหล้ง โดยยังกดคันเร่งคาอยู่ เมื่อผ่านโค้งมาได้ ก็คืนพวงมาลัยมาองศาเดิม จนกว่าจะถึงโค้งถัดไป มันทำให้รถผ่านเส้นทางต่าง ๆ เหล่านี้ไปได้ไม่ยาก กลางดงฝุ่นที่ฟุ้งไปทั่ว
การขับรอบกรวยก็เช่นกัน ให้พวงมาลัยกับช่วงล่างและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ช่วยแก้อาการโอเวอร์เสตียร์ ก็ทำให้รถสามารถหมุนผ่านกรวยไปได้โดยที่หน้ารถอยู่ใกล้ชิดกับกรวย
อีกจุดหนึ่งที่จับความรู้สึกได้ คือ ไม่ว่ารถจะกวาดจะสไลด์ไปอย่างไร แรงแค่ไหนก็ตาม แต่การโยนตัวการให้ตัวของตัวถังมีน้อย ทำให้สมาธิของผู้ขับไม่เส่ียไป สามารถโฟกัสอยู่กับเส้นทาง พวงมาลัย และคันเร่งได้
ก่อนที่จุดสุดท้ายจะเป็นการเบรกหนัก ๆ เพื่อหยุดรถในตำแหน่งที่กำหนด ซึ่งแน่นอนความลื่นของผิวทางทำให้ต้องคำนวณระยะให้ดี แต่การเบรกแบบแเต็มที่บนทางแบบนี้ยังสามารถควบคุมเส้นทางได้ รวมถึงระบบเอบีเอส ก็ช่วยให้มีระยะหยุดตามที่ต้องการ
และแน่นอนแม้จะขับกับเส้นทางแบบนี้ เรื่องของสมรรถนะก็รับรู้ได้เช่นกัน โดยเฉพาะจังหวะแกล้งรถ ด้วยการกดคันเร่งลงไปแรง แรงกระชากของเครื่องยนต์รู้สึกได้ชัดเจน โดยเฉพาะ M50 ยิ่งทำให้การแกล้งรถสนุกขึ้นไปอีก จากท้ายรถที่ออกไปอย่างเร็วและแรง
แต่ไม่ว่าจะแรงแค่ไหน ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าไปควบคุมในรถกวาดซ้ายกวาดขวาลัดเลาะไปตามเส้นทางได้ครับ