ธ.กรุงศรี จับตาการเมือง ใกล้ชิด ชี้เศรษฐกิจไทยปีนี้ ดีสุดแค่แสงสลัวปลายอุโมงค์
ธ.กรุงศรี จับตาการเมือง ใกล้ชิด ชี้กระทบเชื่อมั่นลงทุน ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงทันที 0.15 บาท ขานรับมติศาลรัฐธรรมนูญมีมติ ให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
วันที่ 1 ก.ค. 2568 นายฮิโรทากะ คุโรกิ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ( มหาชน ) เปิดเผยว่า จากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน พบว่า มีทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ที่ส่งผลกระทบและเป็นความท้าทาย ต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการส่งออก และ จับตาการเมือง ใกล้ชิด
ล่าสุดที่ศาลรัรฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 2 มติ 7 ต่อ 2 ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมา กรณีปมคลิปเสียง สนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
ทำให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ได้จับตามองประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด ว่าจะกระทบอย่างไร แต่แน่นอนว่ากระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อเนื่องของนโยบายและเสถียรภาพของรัฐบาลเพราะจะกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
น.ส.รุ่ง สงวนเรือง ผู้อํานวยการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2568 ว่า ลุ้นได้ดีสุดเพียงแสงสลัวที่ปลายอุโมงค์ โดยครึ่งปีหลังมีแนวโน้มมูลค่าการส่งออกของไทยจะหดตัว อีกทั้งล่าสุดศาลรัรฐธรรมนูญ ตัดสินให้ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรรัฐมนตรี หยุดปฏิบัตการชั่วคราว ซึ่งจะเป็นปัจจัยฉุดรั้งในช่วงครึ่งหลังของปี
และเมื่อพิจารณาถึงค่าเงินบาทเทียบกับช่วงก่อนข่าวออก พบว่าค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 0.10-0.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแม้อ่อนค่าไม่มาก แต่ก็อาจส่งผลกระทบในระดับหนึ่ง เพราะทำให้นักลงทุนในตลาดมีความกังวลว่าจะจะมีความต่อเนื่องของนโนบายและเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกเหนือจกานี้ ยังมีปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง ทั้งจากภาคการท่องเที่ยวของไทยที่สูญเสียเสน่ห์จากนักท่องเที่ยวชาวจีน เนื่องจากกังวลด้านความปลอดภัย ตลอดจนนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ จะกระทบต่อภาคส่งออกครึ่งปีหลัง ความไม่แน่นอนทางการค้า ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ การสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและการทะลักของสินค้าจากจีน ปัจจัยเชิงโครงสร้างในประเทศ ทั้งหนี้ครัวเรือนสูง สังคมสูงวัย
จากหลายปัจจัยฉุดรั้งดัวกล่าว ทำให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ได้ประมาณการค่าเงินและดอกเบี้ยนโยบายของไทย คาดว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะผันผวนสูง โดยมองเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยช่วงไตรมาส 4 เนื่องจากสหรัฐอาจลดดอกเบี้ยถึง 3 ครั้ง และปัจจัยลบต่างๆ ของเงินดอลลาร์ที่ยังดำเนินต่อไป
“สกุลเงินของเศรษฐกิจกำลังพัฒนาที่พึ่งพาการส่งออกสูง รวมถึงเงินบาท อาจอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เช่น เงินเยน และเงินยูโร ขณะที่การค้าโลกเข้าสู่ภาวะซบเซา อนึ่ง คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)อาจลดดอกเบี้ยนโยบายอีกอย่างน้อย 0.25% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จากระดับ 1.75% ในปัจจุบัน เพื่อประคองเศรษฐกิจซึ่งเผชิญหลากหลายความเสี่ยงด้านขาลง” น.ส.รุ่ง กล่าว
ขณะที่ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2568 กรณีสหรรัฐเก็บภาษีน้ำเข้า 10% กับประเทศส่วนใหญ่รวมถึงไทย และ 30% กับ จีน ขณะที่จีน เก็บภาษีน้ำเข้า 10% กับสหรัฐ คาดว่าจีดีพีไทยจะอยูที่ระดับ 2.1% บนสมมุติฐาน ตัวเลขส่งออกโต 2% นำเข้าเพิ่มขึ้่น 12.1% ดุลบัญขีเดินสะพัด 11.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ นักท่องเที่ยวต่างชาติ 36.5 ล้านคน เงินเฟ้อทั่วไป 0.6% และดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ 1.25%
ส่วนกรณีเลวร้ายสุดคาดว่าจีดีพีไทยจะเติบโต 1.5% บนสมมูติฐานที่สหรัฐเรียกเก็บภาษีตอบโต้ไทยที่ 36% หรือไทยเผชิญกำแพงภาษีสูงกว่าคู่แข่ง โดยจะส่งผลให้ภาคการส่งออกไม่โต และตัวเลขนักท่องเที่ยว ต่างชาติที่ 35.5 ล้านคน
นายฮิโรทากะ กล่าวถึง กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ในปี 2568 ว่าเพื่อสร้างการเติบโตของธุรกรรมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ 4 กลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ คือ การสนับสนุนผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับมิติ ESG การส่งเสริมธุรกรรมสกุลเงินเกิดใหม่ การขยายฐานธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล และ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น
โดยในไตรมาส 1/2568 ปริมาณธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเติบโตมากกว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราการส่งออกและนำเข้าในไตรมาสแรกของปีนี้
สำหรับกลยุทธ์หลักในการดำเนินงานของกรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ในปีนี้ ประกอบด้วย การสนับสนุนผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับมิติ ESG ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เชื่อมโยงกับมิติ ESG เพิ่มขึ้น การส่งเสริมธุรกรรมสกุลเงินเกิดใหม่ เพื่อเพิ่มความสามารถของสกุลเงินเกิดใหม่
ปีที่ผ่านมา กรุงศรีสามารถขยายขีดความสามารถเพื่อรองรับธุรกรรมสกุลเงินเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (AED) และธุรกรรมปริวรรตเงินตราต่างประเทศให้ครอบคลุมเงินสกุลเปโซเม็กซิโก (MXN) เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนแก่ลูกค้าที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับตะวันออกกลางและอเมริกาเหนือ โดยในปี 2567 ธนาคารมีปริมาณธุรกรรมในการใช้ธุรกรรมสกุลเงินเกิดใหม่เพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ยังมีการขยายฐานธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล โดยพัฒนาทั้งในแง่เทคโนโลยี และความสามารถในการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่องให้มีความหลากหลาย สะดวก รวดเร็ว และสอดคล้องกับความต้องการ โดยในปี 2567 มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 138% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าและในไตรมาส 1/2568 มีจำนวนธุรกรรม FX ที่ทำผ่านแพลตฟอร์ม FX@Krungsri สูงถึง 26% ของธุรกรรม FX ที่สามารถซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้
รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่แก่ลูกค้า เพื่อมุ่งขยายขีดความสามารถในการให้บริการและนำเสนอผลิตภัณฑ์ ไม่จำกัดเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับปริวรรตเงินตราต่างประเทศและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ธ.กรุงศรี จับตาการเมือง ใกล้ชิด ชี้เศรษฐกิจไทยปีนี้ ดีสุดแค่แสงสลัวปลายอุโมงค์
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th