รู้จัก Run Club & Coffee Party การเข้าสังคมแบบใหม่ของวัยรุ่นเทสดี
เคยเป็นไหม นัดรวมกับกลุ่มเพื่อนทีไร ก็หนีไม่พ้นร้านเหล้า เมากลับบ้าน ภาพตัด ตื่นมาก็แฮงค์ปวดหัวอีก นี่เป็นปารตี้รูปแบบเดิมๆที่เราคุ้นชินกัน
แต่ตอนนี้ได้เกิดการปารตี้รูปแบบใหม่ที่เราสามารถ socialize ได้ และที่สำคัญคือ Hangouts without hangover
ลองคิดภาพตามดูนะ เช้าวันเสาร์-อาทิตย์ ท้องฟ้ากำลังสดใส แดดกำลังดี วิ่งออกกำลังกายยามเช้า ไปเจอเพื่อนกลุ่มใหม่ๆ ต่อด้วยไปร้านคาเฟ่เก๋ๆ ที่มี DJ เปิดเพลง เต้นโยกหัวตามจังหวะเพลงตั้งแต่หัววัน ชนแก้วกับเพื่อนข้างๆด้วย cup of coffee ไม่ใช่ glass of wine
นี่เรากำลังพูดถึง Run Clubและ CoffeeParty การ hangout แบบใหม่ที่ฮิตกันในหมู่ GEN Zปารตี้ตั้งแต่ตอนเช้าที่สนใจความเฮลตี้ มันได้แม้ไร้แอลกอฮอล์ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเทรนด์นี้ถึงได้รับความนิยม บทความนี้ SPOTLIGHT ชวนทุกคนไปหาคำตอบ และทีม SPOTLIGHT ได้มีโอกาสพูดคุยสุด exclusive กับคุณวิน- ธวินท์ อัศววิบูลย์พันธุ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Cruise Control Run Club
รู้จัก Run Club คอมมูนิตี้ที่ไม่ใช่แค่การวิ่งแต่มันคือการได้หาเพื่อนใหม่!
Run Club คือ กลุ่มคอมมูนิตี้สายออกกำลังกายที่ร่วมตัวกันเพื่อไปวิ่ง โดยมีการวิ่งหลากหลายรูปแบบ เช่นวิ่งในสวน วิ่ง city run รอบเมือง วิ่ง Trail เข้าป่า ขึ้นภูเขา ไปจนถึงการวิ่งมาราธอน และไม่มีการจำกัดแค่กลุ่มนักวิ่งอาชีพวิ่งแบบจริงจังแต่เปิดกว้างสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ทุกคน เพราะเสน่ห์ของ Run Club คือการไปหาเพื่อนใหม่ที่มีความชื่นชอบคล้ายๆกัน
“Run Club มันคือ Community จะบอกว่า Run Club ไม่โฟกัสที่การวิ่งมันก็ไม่ใช่ แต่สิ่งที่มันโดดเด่นมากกว่า คือการมาเจอผู้คนมากกว่า เพราะเอาจริงๆการวิ่ง วิ่งที่ไหนก็วิ่งได้ แต่การมา Run Club คือการมาเจอผู้คน คนที่มีความชื่นชอบเหมือนกัน เช่นชอบวิ่ง ชอบแต่งตัว ชอบรองเท้า ชอบเจอเพื่อน ชอบกินกาแฟ”
สำหรับ Run Club ในประเทศไทยนั้นตอนนี้ได้เกิด Club ใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย คุณวินได้เล่าว่า ตอนนี้เชื่อว่ามีกลุ่ม Run Club เกิดใหม่ขึ้นทุกวันและไม่ได้มีแค่ในกรุงเทพ แต่ตอนนี้มียังต่างจังหวัดอีกด้วย โดยกลุ่ม Run Club ที่กำลังโด่งดังในตอนนี้ เช่น Sabai Run Club, Ugly Running Training Club หรือ Cruise Control Run Club (CCRC)
สำหรับ Cruise Control Run Club (CCRC) ที่คุณวินเป็นผู้ก่อตั้ง เริ่มต้นในปี 2024 ที่คุณวินและแฟนชวนกันออกไปวิ่ง city run ทั้วกรุงเทพ และพบว่ากรุงเทพที่ให้วิ่งเยอะมากแม้ใครหลายคนอาจจะมองว่าเป็นเมืองแห่งความวุ่นวาย รถติด ทางเท้าไม่ดี ไม่เหมาะแก่การออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน แต่เชื่อว่าไม่ว่าทุกครั้งที่คุณวินได้วิ่งกับกลุ่มเพื่อน เหมือนกับการ explore กรุงเทพ ทั้งร้านอาหารใหม่ๆ คาเฟ่ใหม่ๆ หรือพูดง่ายๆเหมือนกับการทำความรู้จักกรุงเทพให้ดีมากขึ้น
แม้ไม่ใช่นักวิ่งอาชีพก็สามารถมาจอยได้ เพราะ CCRC มีการวิ่งให้เลือกหลากหลายแบบตั้งแต่ Short run 5-6 กิโล, Long run ชั่วโมงครึ่งขั้นไป,Tempo Run เน้นวิ่งอัดความเร็ว,Trail Run วิ่งในเส้นทางธรรมชาติ เช่นป่า ภูเขา หรือแม้แต่City Run ที่มีเส้นทางตั้งแต่สีลม-สาธร, เมืองเก่า สนามหลวง ไปจนถึง ย่านตลาดน้อย, เลาะแม่น้ำเจ้าพระยา
ทำไมอยู่ดีๆ Run Club ถึงบูมในไทย ?
คุณวิน ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า “มองว่ากระแสของ Run Club มันเริ่มต้นจากต่างประเทศ ในฝั่งยุโรป สหรัฐอเมริกา เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว หลังโควิดคนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้นและต้องการความ socialize พอกระแสการรักสุขภาพมา เลยเป็นจุดเริ่มต้นของ Run Club และแน่นอนเมื่อเทรนด์ต่างประเทศฮิตแบบไหน มันก็จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ส่งผลมาถึงประเทศอื่นๆในแถบเอเชียรวมถึงประเทศไทย”
แต่สิ่งที่ทำให้ Run Club ได้รับความนิยมขนาดนี้ เป็นเพราะคนมองว่า“การวิ่ง ไม่ใช่แค่กีฬา แต่มันคือ lifestyle” สิ่งที่เป็นตัวผลักดันสำคัญ คือ การที่แบรนด์แฟชั่นลงมาเล่น เช่น Loewe ออกสินค้ากีฬา หรือแม้แต่เกิด brand collaboration กันไปมาระหว่างแฟชั่นและกีฬา ทำให้คนมองว่าการออกกำลังกายไม่ใช่เรื่องใกล้ตัว เช่นเดียวกันกับการใส่เสื้อผ้ากีฬา ก็ไม่จำเป็นต้องใส่เพื่อไปออกำลังกายอย่างเดียว แต่สามารถใส่ไปทำงานไปเที่ยวได้อีกด้วย และเมื่อกีฬากับ lifestyle มารวมกันมันเลยกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวคนมากๆ
แต่อย่างที่รู้กันว่ากว่าเทรนด์จะเกิดขึ้นได้ มันต้องเกิดกระแสจากโซเชียลมีเดีย และหากใครเล่น TikTok ก็น่าจะต้องเคยเห็นความไวรัลของ Run Club กันมาบ้างแล้ว คุณวิน ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า “โซเชียลมีเดีย มันทำให้ใครก็ตาม ที่ไม่ใช่แค่เพื่อนเรา มารู้จักเรามาจอย Run Club กับเรา ส่วนหนึ่งคิดว่าเราทำการโปรโมททุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ เลยทำให้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมาร่วมวิ่งด้วย ซึ่งบางงานโปรโมทแค่แปปเดียว สรุปวันจัดงานจริงๆมีคนมาร่วมงานหลักร้อยคน”
ดราม่า Run Club นักวิ่งเอาสังคมเกะกะนัดวิ่งตัวจริง
จากกระแสดราม่า Run Club ที่ดังในโซเชียลมีเดียว่า นักวิ่ง Run Club ออกมาวิ่งเพียงเพราะอยากเข้าสังคม วิ่งเกะกะทางนักวิ่งตัวจริงที่วิ่งในสนามหรือสวนสาธารณะ
ในกรณีนี้ คุณวิน ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า “ส่วนตัวเราไม่ได้เป็นแค่ตัวแทนของ Run Club เราก็คือนั่งวิ่งคนหนึ่ง ที่วิ่งในสวนคนเดียว วิ่งกับเพื่อน วิ่งกับแฟน เรารู้สึกอยู่แล้วว่าถ้ามีใครมาวิ่งเกะกะเราก็รำคาญ ซึ่งทำให้ทุกครั้งเราเน้นย่ำกับทีม CCRC ตลอด ว่าให้ดูแลกันให้ดี มีทีมวิ่งประกบนั่งวิ่ง ให้วิ่งชิดซ้าย วื่ง 2 แถว เพื่อให้นั่งวิ่งขาแรงได้วิ่งแซงขวาไป แต่พอมันมีดราม่า มองว่าเป็นเรื่องดี เพราะมันทำให้ทุก Run Club ได้ปรับปรุงและได้สะท้อนมองว่าทุกวันนี้เราจัดการกันดีหรือยัง”
วัยรุ่นเทสดี รักสุขภาพต้องจอย Run Club ใส่ All Black (เพื่อบอกว่าโสด)
เคยได้ยินไหมที่เขาบอกว่าคนโสด ที่ไม่อยากโสดแล้วชอบโหลดแอปหาคู่อย่าง Tinder หรือ CMB มาปัดเพื่ออยากหาคนรู้ใจ แต่เชื่อหรือไม่ว่านี่คือเทรนด์ที่เก่าไปแล้ว เพราะบางคนรู้สึกกลัวโดนหลอกหรือการหาคู่ในเน็ตมันดูไม่ยั่งยืน
แต่สิ่งที่มาแทนที่คือ การไปจอย Run Club และต้องใส่เสื้อ All Black เท่านั้น เพื่อหาเพื่อนหรือแฟนในอนาคต
สำหรับวัยรุ่น โดยเฉพาะกลุ่ม GEN Z พวกเขามองว่า การจอย Run Club เหมือนกับการเปิดโอกาสให้ตนเองให้เจอคนใหม่ๆ ได้รู้จักคนใหม่ๆ ซึ่งก็ไม่แน่ว่าอาจจะได้เจอคนรู้ใจในอนาคต และแน่นอนการวิ่งต้องวิ่งต้อนเช้าตรู่ ไม่งั้นแดดร้อน นั้นก็ทำให้ดูเหมือนว่ามันคือการคัดคนที่มีความรับผิดชอบที่จะดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรง เหมือนกับที่ชาวเน็ตบอกกันว่านี่คือคำนิยามของวัยรุ่นเทสดี
ส่วนการที่ใส่ All Black คือการแต่งตัวทั้งเสื้อและกางเกงเป็นสีดำ เพื่อแสดงตัวว่าเราโสด ซึ่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เลยกระแสวัยรุ่นแต่งตัวไป Run Club และใส่ All Black เต็มทั่ว TikTok
และเมื่อทีม SPOTLIGHT ได้ถามถึงกลุ่มคนที่มาวิ่งกับ CCRC คุณวินได้เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้มีความหลากหลายทั้งเชื้อชาติ อายุ และเพศ ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ-แม่ เด็กวัยรุ่น ไปจนถึงเด็กเล็กที่มากับครอบครัว แต่กลุ่มที่ดูโดดเด่นมากที่สุดก็คือ กลุ่มเด็กมหาลัย หรือวัยรุ่น Gen Z
ซึ่งคุณวินได้เล่าด้วยน้ำเสียงมีความสุขว่า“เซอร์ไพร์สมากที่ตอนนี้เด็กๆหันมาสนใจ ใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น สมัยตอนเราเป็นเด็กมหาลัยเราไม่สนใจออกำลังกายเลย”
ส่วนในเรื่องของการใส่เสื้อ All Black มาหาคู่ที่ Run Club ตนมองว่ามันคือสีสัน ความน่ารัก แต่จากประสบการณ์ที่อยู่ Run Club มา ก็เห็นจากเพื่อนเป็นแฟนแล้วไปหลายคู่
รู้จัก Coffee Party ตี้แบบใหม่แบบสับ ชนแก้วด้วยกาแฟ ไม่เอาแอลกอฮอล์
Coffee Party หรือ Coffee Rave คือ ปาร์ตี้ที่คนจะมาร่วมกลุ่มกันที่ร้านคาเฟ่เก๋ๆ หรือ ผับ (ที่เปิดกลางวันไม่ชากลางคืน) มีบูธดีเจเปิดเพลงตั้งแต่แนว House, EDM, Trance ไปถึงจนถึง Hardstyle ฟิลลิ่งเหมือนการที่เราไปผับตอนกลางคืนเลย บรรยากาศทุกอย่างเหมือนหมด แต่ความเก๋คือเราปาร์ตี้กันตอนเช้า ชนแก้วกับคนข้างๆด้วยกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
Coffee Party ตอนนี้กำลังกลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจสุขภาพ ชอบไปเจอเพื่อน พบปะสังสรรค์กับคนใหม่ๆ ชอบเที่ยว รักในเสียงเพลง แต่ไม่อยากดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งปาร์ตี้รูปแบบนี้ได้เกิดขึ้นมากมายทั่วโลกโดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ อย่าง นิวยอร์ก ลอนดอน อัมสเตอร์ดัม มุมไบ ไปจนถึง ฮ่องกง และสิงคโปร์
ซึ่งในประเทศไทยเองก็ได้เกิด Coffee Party ขึ้นอย่าง Sawasdeecup Coffee Party ที่ย่านทรงวาด หรือ event ที่ฮิตอย่างมากในตอนนี้คือ Morning Affair Coffee Party ที่ Rise Coffee ได้จับมือกับ Tictactoe ผับสุดเก๋บนห้างเอมสเฟียร์
ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงสนใจ Run Club & Coffee Party
หากผู้อ่านอ่านมาถึงตรงนี้ คงเห็นได้ว่า นี่คือกิจกรรมใหม่ที่น่าสนใจเลยทีเดียว เพราะไม่ใช่แค่กิจกรรมที่ productive เท่านั้น แต่นี่สะท้อนให้เห็นถึงตัวตัวของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม GEN Z ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง สนใจในเรื่องของสุขภาพที่ไม่ใช่แค่เรื่องร่างกายและเป็นเรื่องจิตใจ หรือพูดง่ายๆก็คือ well-belling ที่ครบองค์รวม ดูแลตัวเองรู้ว่าการกินแอลกอฮอล์ส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่ก็อยากเข้าสังคม เลยทำให้เกิดกิจกรรมทางเลือกใหม่ขึ้นมาเพื่อทำทำให้พวกเขายังสามารถ socialize ได้อยู่
อย่างไรก็ตามสำหรับนักการตลาดและแบรนด์ นี่คือตัวอย่างกลุ่มผู้บริโภคที่เราทุกคนควรต้องศึกษาไว้ เพราะนอกจากการที่กลุ่ม GEN Z จะกลายมาเป็นผู้บริโภคหลักในอนาคต สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือการทำตลาดที่แปลกใหม่ สนุกสนาน และสามารถสร้างสีสันให้กับแบรนด์ เพราะการตลาดที่สำคัญที่สุดในยุคคือคือการจับเทรนด์ให้ทัน สร้างความสดใหม่เพื่อไม่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเบื่อ
อ้างอิง :Cruise Control Run Club, Tictactoe , The Hollywood Reporter ,t2online ,ideastreampublicmedia, Rolling Stone , SCMP