“Crypto Week” สะดุด! กฎหมายคริปโตสหรัฐฯ ติดหล่มกลางสภา เหตุถกเถียงเรื่อง CBDC เดือด
“Crypto Week” สะดุด! กฎหมายคริปโตสหรัฐฯ ติดหล่มกลางสภา เหตุถกเถียงเรื่อง CBDC เดือด
สภาคองเกรสสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนอีกครั้ง หลังจากกระบวนการลงมติแบบขั้นตอน (procedural vote) ที่จะเปิดทางให้สามารถโหวตกฎหมายคริปโตชุดสำคัญในสัปดาห์นี้ กลับต้องหยุดชะงักกลางทาง ขณะที่บรรดาสมาชิกรัฐสภาเร่งประชุมเพื่อหาทางออก ท่ามกลางรายงานจาก Punchbowl News และ Semafor ที่ระบุว่ายังไม่มีข้อสรุปใด ๆ บนชั้นสภา
ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง สภาผู้แทนฯ ได้ลงมติในรอบแรกเพื่อเดินหน้าพิจารณาชุดกฎหมายที่เกี่ยวกับคริปโต โดยเฉพาะสามร่างหลักที่พรรครีพับลิกันคาดหวังว่าจะสามารถผลักดันผ่านได้ภายใน “สัปดาห์คริปโต” นี้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งที่สองที่กระบวนการนี้ต้องสะดุด หลังจากมีการโหวตไม่เห็นชอบในวันอังคาร
หนึ่งในร่างกฎหมายสำคัญคือ "Guiding and Establishing National Innovation for U.S. Stablecoins" หรือที่รู้จักกันในชื่อ GENIUS Bill ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างกรอบกำกับดูแลสำหรับ Stablecoin หากร่างนี้ผ่านได้ทัน อาจมุ่งสู่โต๊ะประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ภายในสิ้นสัปดาห์นี้
นอกจากนั้น ยังมีร่างอื่น ๆ ที่ยังรอการพิจารณาในวุฒิสภา เช่น
- Digital Asset Market Clarity Act: วางโครงสร้างกำกับดูแลทั้งระบบสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล
- ร่างกฎหมายต่อต้าน CBDC: เสนอห้ามธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ออก “เงินดิจิทัลของธนาคารกลาง” โดยตรงให้กับประชาชน
แต่ทั้งหมดนี้อาจล่มกลางทาง เมื่อเกิดความเห็นต่างในหมู่รีพับลิกัน โดยเฉพาะเกี่ยวกับ การเพิ่มถ้อยคำต่อต้าน CBDC ลงไปในร่างกฎหมาย
CBDC กลายเป็นประเด็นร้อน
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับกระบวนการนี้ระบุว่า สถานการณ์ตอนนี้กลายเป็น “ความวุ่นวายเต็มรูปแบบ” ซึ่งไม่ตรงกับสิ่งที่คาดหวังไว้สำหรับ Crypto Week แม้ประธานาธิบดีทรัมป์จะยังมีความพยายามผลักดันให้ GENIUS Bill ผ่านให้ได้ภายในสัปดาห์ แต่สมาชิกบางรายในพรรคยังคงยืนกรานที่จะใส่ถ้อยคำแบน CBDC เพิ่มเติม
นักการเมืองอนุรักษนิยมอย่าง Marjorie Taylor Greene และ Chip Roy มีบทบาทเด่นในประเด็นนี้ โดยต้องการให้มีข้อห้ามเกี่ยวกับ CBDC ในร่างโครงสร้างตลาดคริปโต และระหว่างการลงมติเมื่อวันอังคารที่ล้มเหลว มีสมาชิกรีพับลิกันถึง 12 รายที่ลงคะแนน "ไม่เห็นชอบ" กับการเดินหน้ากฎหมาย ซึ่งรวมถึง Greene, Roy, Michael Cloud และ Anna Paulina Luna ตามรายงานจาก The Hill
Greene ยังเคยให้สัมภาษณ์ในช่วงก่อนลงมติว่า เธอจะไม่สนับสนุนร่างกฎหมายหากไม่มีการแบน CBDC แต่กลับลงคะแนนเห็นชอบในการโหวตขั้นตอนแรกเมื่อวันพุธ ซึ่งสร้างความสับสนอย่างมาก
ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ
แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะเคยออกเอกสารศึกษาในปี 2022 ถึงข้อดีข้อเสียของการออก CBDC หรือ "ดอลลาร์ดิจิทัล" แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Fed โดยเฉพาะ เจอโรม พาวเวลล์ ก็เคยระบุว่า Fed จะไม่ออก CBDC หากไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาอย่างชัดเจน
ความไม่แน่นอนยังคงปกคลุม
ในคืนวันอังคาร ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศว่าสมาชิกสภาคนสำคัญตกลงจะโหวตเห็นชอบกับร่างกฎหมาย แต่สถานการณ์ในวันต่อมากลับเปลี่ยนไป เมื่อ Rep. Roy เดินออกจากสภาในช่วงบ่ายของวันพุธหลังโหวต "ไม่" พร้อมกล่าวว่าข้อตกลงเดิม “ดูเหมือนไม่มีอยู่จริงอีกต่อไปแล้ว” ตามรายงานของ Punchbowl News
อ้างอิง : theblock.co
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/crypto-bills-stalled-cbdc-debate-crypto-week-2025
"WLFI" โทเคนเชื่อมโยงทรัมป์ เตรียมเปิดเทรด หลังชุมชนโหวตผ่านถล่มทลาย
โทเคนWorld Liberty Financial (WLFI) ซึ่งมีความเกี่ยวพันโดยตรงกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับการอนุมัติให้สามารถเปิดเทรดได้อย่างเป็นทางการ หลังผู้ถือโทเคนโหวตผ่านข้อเสนอด้วยคะแนนสนับสนุนสูงถึง 99.94% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ข้อเสนอดังกล่าวถูกเสนอเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม โดยทีมพัฒนา WLFI ระบุว่า “นี่คือหมุดหมายสำคัญของระบบนิเวศ World Liberty Financial ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วมที่กว้างขึ้น เข้าถึงได้มากขึ้น และเร่งพัฒนาระบบโปรโตคอลให้ก้าวหน้า”
การเปิดให้ WLFI สามารถซื้อขายได้ นอกจากจะส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนแล้ว ยังเปิดประตูสู่กระบวนการ “ค้นหาราคา” (price discovery) และการเก็งกำไรของนักลงทุน
WLFI คืออะไร? ทำไมเชื่อมโยงกับทรัมป์?
WLFI เคยเปิดขายในสองรอบด้วยราคา $0.015 และ $0.05 ต่อโทเคน โดยโทเคนที่ขายในช่วงแรกยังไม่สามารถโอนหรือซื้อขายได้ แต่ให้สิทธิ์ผู้ถือในการโหวตตัดสินใจเกี่ยวกับโปรโตคอล และสิทธิ์ในการเข้าถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทรัมป์เคยจัดงานเลี้ยงสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับผู้ถือโทเคน TRUMP ระดับสูง ซึ่งหนึ่งในผู้เข้าร่วมคือJustin Sun ผู้ก่อตั้ง Tron
ตามรายละเอียดในข้อเสนอการโหวต ทีมพัฒนา WLFI ตั้งเป้าเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินการของโปรโตคอลจาก “ระบบปิด” ไปสู่ “ระบบเปิด” โดยการเปิดเทรดครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกของแนวทางดังกล่าว
เงื่อนไขการปลดล็อก WLFI
- เฉพาะโทเคนที่ขายให้กับผู้สนับสนุนระยะแรกเท่านั้นที่จะถูกปลดล็อก
- โทเคนที่เหลือจากทั้งหมด 100 พันล้าน WLFI จะต้องผ่านการโหวตรอบที่สองในอนาคต เพื่อกำหนดกำหนดการปลดล็อก
- โทเคนของผู้ก่อตั้ง ทีมงาน และที่ปรึกษา จะมีระยะเวลาปลดล็อกที่ยาวกว่าผู้สนับสนุนชุดแรก เพื่อแสดงความมุ่งมั่นระยะยาวต่อความสำเร็จของโปรโตคอล
ทรัมป์และครอบครัวอยู่เบื้องหลัง WLFI อย่างไร?
โครงการ World Liberty มีที่ปรึกษาคนสำคัญ ได้แก่ ลูกชายทั้งสามคนของทรัมป์ รวมถึงSteve Witkoff พันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งทูตพิเศษสหรัฐฯ ประจำตะวันออกกลาง พร้อมกับลูกชายของเขา Zach และAlex Witkoff ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโปรเจกต์นี้
ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา World Liberty เปิดเผยว่า บริษัทDT Marks DEFI LLC ที่มีความเชื่อมโยงกับทรัมป์ จะได้รับโทเคน WLFI จำนวน 22.5 พันล้านเหรียญ ขณะที่รายงานการเปิดเผยทรัพย์สินล่าสุดระบุว่า ทรัมป์ถือโทเคน WLFI จำนวน 15.75 พันล้านเหรียญ ณ สิ้นปีที่แล้ว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนคริปโตที่สำคัญของตระกูลทรัมป์
สำนักข่าว Bloomberg ประเมินว่ากำไรจากธุรกิจคริปโตของครอบครัวทรัมป์มีมูลค่ารวมประมาณ 620 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าทรัพย์สินรวม 6.4 พันล้านดอลลาร์ โดยในจำนวนนั้นราว 390 ล้านดอลลาร์ มาจากการขายโทเคนของ World Liberty
นักการเมืองสหรัฐฯ ห่วงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
แม้ WLFI จะเปิดทางให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น แต่นักการเมืองสายเดโมแครตจำนวนหนึ่งกลับแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนของประธานาธิบดี โดย ส.ว. Elizabeth Warren และ ส.ส. Maxine Waters ได้ส่งจดหมายถึงคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ระบุว่า การถือครองโทเคน WLFI ของครอบครัวทรัมป์นั้น “เป็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
อ้างอิง : theblock.co
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/wlfi-token-trump-crypto-vote-2025
Bitcoin ส่งสัญญาณอ่อนแรงระยะสั้น แต่แนวรับ $112,000 ยังแกร่ง บ่งชี้เทรนด์ขาขึ้นยังไม่พัง
Bitcoin กำลังเผชิญกับแรงกดดันระยะสั้น หลังจากปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 19% ภายในเวลาเพียง 21 วัน ล่าสุดได้พิมพ์แท่งเทียน "Bearish Engulfing" บนกราฟรายวัน ซึ่งเป็นสัญญาณเทคนิคเชิงลบครั้งแรกตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม โดยมี "Shooting Star" ยืนยันความน่าจะเป็นของการพักฐานหรือการกลับตัวในระยะสั้น
ในขณะที่นักลงทุนบางส่วนเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม CryptoQuant ชี้ว่าดัชนีMiners’ Position Index (MPI) ซึ่งวัดการเคลื่อนไหวของ Bitcoin จากนักขุดไปยัง Exchange ได้พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.78 สูงที่สุดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าเหล่านักขุดกำลังเตรียมขายเหรียญ แม้ระดับนี้จะยังไม่ใช่จุดสูงสุดแบบที่มักพบในช่วงปลายตลาดกระทิงก็ตาม
นอกจากนี้ ตัวเลขกำไรจริงจากการโอน BTC ไปยัง Exchange ทั่วโลกก็ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $9.29 พันล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงแรงขายทำกำไรที่ชัดเจน นักวิเคราะห์ชื่อ Crazzyblockk ให้ความเห็นว่าขณะนี้ตลาดอยู่ใน “โซนความเสี่ยงสูง” ซึ่งความผันผวนระยะสั้นอาจเกิดขึ้นได้มาก แม้แนวโน้มระยะยาวยังดูเป็นบวกอยู่ก็ตาม
อีกหนึ่งสัญญาณที่น่าจับตาคือข้อมูลจาก Hyblock Capital ที่รายงานว่า “Open Interest” ของ Bitcoin กำลังเข้าใกล้ระดับที่ถือว่า “ร้อนแรง” ซึ่งในอดีตเมื่อสถานการณ์เช่นนี้เกิดร่วมกับ Fear & Greed Index ที่อยู่ในโซน “Extreme Greed” ก็มักจะนำไปสู่การเกิดจุดสูงชั่วคราวตามมาด้วยการปรับฐาน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากAxel Adler Jr. นักวิจัยด้าน Bitcoin ระบุว่าแม้จะมีการขายตื่นตกใจเกิดขึ้นอย่างหนัก โดยมีการขาย BTC ขาดทุนกว่า 50,000 เหรียญภายใน 24 ชั่วโมง แต่ในทางกลับกัน นักลงทุนจำนวนมากกลับฉวยโอกาสเข้าซื้อในช่วงราคาตก โดยมีการสะสม BTC มากกว่า 196,600 เหรียญในช่วงราคาระหว่าง $116,000–$118,000 รวมมูลค่ากว่า 23 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นระยะยาวที่ยังคงแข็งแกร่ง
ในมุมเทคนิค หาก Bitcoin ยังสามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญบริเวณ $112,000 ได้ ก็ยังอยู่ในโครงสร้างขาขึ้นระยะยาว การพักฐานในช่วงนี้อาจเป็นการรีเซ็ตที่ดี ช่วยลดเลเวอเรจส่วนเกินและเขย่านักลงทุนที่อ่อนไหวออกจากตลาด
สรุปแล้ว แม้จะมีสัญญาณอ่อนแรงระยะสั้นจากแท่งเทียน Bearish Engulfing และแรงขายทำกำไรจำนวนมาก แต่ตราบใดที่แนวรับหลักยังไม่พัง ความน่าจะเป็นที่ Bitcoin จะกลับมาสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้งก็ยังมีอยู่สูง
อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/bitcoin-bearish-signal-july-2025
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้