‘บิ๊กคาเมร่า’ มุ่งตลาดไฮเอนด์ จับมือ ‘ไลก้า’ ปักธงพารากอน
บิ๊กคาเมร่า มั่นใจตลาดกล้องดิจิทัลไทยยังแกร่ง อานิสงส์เทรนด์กล้องคอมแพ็คคืนชีพ หลังวัยรุ่น-ครอบครัวระดับกลาง-บนแห่เล่นกล้อง จังหวะทองขยายฐานลูกค้า ประเดิมผนึกไลก้า กล้องพรีเมี่ยมเปิดแบรนด์ช็อปคอนเซ็ปต์ใหม่ ปักธงกลางพารากอน หวังชิงลูกค้าไทย-เทศ ด้านร้านบิ๊กคาเมร่า โฟกัสห้างใหญ่ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค-วัน แบงค็อก พร้อมลุยรีโนเวตสาขาเดิมทั่วไทย
นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ฉายภาพว่า ปัจจุบันกระแสนิยมกล้องคอมแพ็คทั้งกล้องถ่ายภาพนิ่ง และกล้องวิดีโอ-แอ็กชั่นคาเมร่า กลับมาโดดเด่นและกลายเป็นโอกาสสำคัญของวงการธุรกิจกล้องดิจิทัลปัจจุบัน สะท้อนจากความสำเร็จของกล้องคอมแพ็คและมิเรอร์เลสขนาดเล็กจากหลายค่าย ไม่ว่าจะเป็น fujifilm x half และ GFX100RF, Ricoh GR III และ IV, DJI Pocket 3, Leica Q ฯลฯ ที่ต่างได้รับความนิยม จนหลายรุ่นผลิตไม่ทันจนต้องจองคิวซื้อ เช่นเดียวกับยอดขายกล้องคอมแพ็คทางหน้าร้านแต่ละสาขาที่เพิ่มขึ้นตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ตลาดกล้องดิจิทัลยังเปลี่ยนแปลงไปเป็นตลาดนิช (Nich) ซึ่งมีฐานผู้บริโภคเป็นกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานที่มีกำลังซื้อสูงระดับกลาง-บน โดยใช้กล้องเพื่อถ่ายภาพนิ่ง-วิดีโอเป็นงานอดิเรกหรือทำคอนเทนต์ ฐานผู้บริโภคกลุ่มนี้ช่วยให้ตลาดกล้องได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจ-กำลังซื้อน้อยกว่าสินค้าประเภทอื่น ๆ เห็นได้จากการที่ตลาดกล้องดิจิทัลในไทยเติบโตเฉลี่ย 10-15% ต่อปี ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้เผชิญภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
นายสุนิล คาวล์ กรรมการผู้จัดการ ไลก้า คาเมร่า เอเชียแปซิฟิก เสริมว่า เทรนด์ความต้องการกล้องขนาดเล็กพกพาสะดวกนี้ ไม่จำกัดเฉพาะไทยแต่เกิดขึ้นทั่วโลก สะท้อนจากฐานผู้ซื้อกล้องไลก้า ที่อายุเฉลี่ยน้อยลงจากกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไป มาเป็นกลุ่มอายุ 42 ปี รวมถึงมีกลุ่มผู้หญิงมากขึ้นด้วย
โดยเชื่อว่าในช่วง 6-12 เดือนหลังจากนี้ ผู้บริโภคที่ยังใช้กล้องดิจิทัลขนาดใหญ่จะอัพเกรดอุปกรณ์ของตนทั้งกล้องและเลนส์ตามเทรนด์นี้
ร้านออฟไลน์ยังสำคัญ
ผู้บริหารบิ๊กคาเมร่าย้ำว่า ร้านออฟไลน์ยังเป็นช่องทางสำคัญสำหรับตลาดกล้องดิจิทัลในไทย เนื่องจากการพูดคุยสอบถามรายละเอียด และทดลองสินค้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคต้องการเมื่อตัดสินใจซื้อกล้องและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงยังตอบโจทย์แบรนด์กล้องที่ต่างไม่ต้องการแข่งขันราคา ซึ่งต่างจากช่องทางมาร์เก็ตเพลซออนไลน์ที่จัดแคมเปญให้ส่วนลดดุเดือด
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้บริโภคขาดความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อ เนื่องจากกังวลว่าจะมีดีลที่ดีกว่า และกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์กล้อง เห็นได้จากเหตุการณ์ที่โซนี่ยุติการจำหน่ายกล้อง เลนส์และอุปกรณ์ถ่ายภาพผ่านมาร์เก็ตเพลซ
จังหวะชิงลูกค้ากลุ่มใหม่
นายธนสิทธิ์กล่าวต่อไปว่า เทรนด์การเปลี่ยนแปลงนี้ และความต้องการซื้อกล้องในร้านออฟไลน์ เป็นโอกาสสำคัญที่ธุรกิจร้านกล้องจะขยายฐานลูกค้าระดับกลาง-บน ทั้งวัยรุ่น และครอบครัวที่ใช้กล้องในกิจกรรมไลฟ์สไตล์เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว
หนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญ คือ การผนึกกำลังกับไลก้า แบรนด์กล้อง-เลนส์ระดับพรีเมี่ยม ต่อยอดการเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตประเทศไทย และวาระฉลองครบรอบ 100 ปี ไลก้า ไปสู่การเปิดแบรนด์ช็อปไลก้า โมเดลใหม่ “Leica Store Siam Paragon” ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน บริเวณชั้น 2
โดยสาขานี้ออกแบบเพื่อตอบรับเทรนด์การซื้อกล้องเพื่อจุดประสงค์ด้านไลฟ์สไตล์ ด้วยการเน้นประสบการณ์มากกว่ามุ่งขายสินค้าเพียงอย่างเดียว โดยนอกจากมีผลิตภัณฑ์ไลก้า ครบทุกกลุ่ม ตั้งแต่กล้องถ่ายภาพ, เครื่องโปรเจ็กเตอร์, นาฬิกา, ของสะสม และอุปกรณ์ส่องทางไกลแล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรม อาทิ เวิร์กช็อป, นิทรรศการภาพถ่าย ฯลฯ อีกด้วย
นอกจากนี้ ทำเลศูนย์การค้าสยามพารากอนยังเพิ่มโอกาสเข้าถึงฐานผู้บริโภคระดับบนทั้งชาวไทย และนักท่องเที่ยวระดับ High-spending รวมถึงนักท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ จากการเป็นแหล่งรวมแบรนด์หรู และเพิ่มโอกาสการจำหน่ายต่อยอดจากเดิมที่มีไลน์กล้องไลก้า D-Lux และ Leica Q อยู่แล้ว
นายสุนิลอธิบายว่า การตัดสินใจให้สิทธิบิ๊กคาเมร่าเปิดแบรนด์ช็อปในครั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันอีโคซิสเต็มของไลก้าในประเทศไทยมีความพร้อม หลังบริษัทเปิดศูนย์บริการเมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา ตามแนวคิด Care Before Sale การมีแบรนด์ช็อปทำให้อีโคซิสเต็มครบวงจรทั้งการจำหน่ายและดูแลหลังการขาย
“สาขาแห่งใหม่นี้ เป็นกลยุทธ์สำคัญในการขยายฐานลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้รักการถ่ายภาพและผู้ที่ชื่นชอบสินค้าลักเซอรี่ ด้วยการต่อยอดบริการหลังการขายและสร้างชุมชน Leica Lovers ในประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งนี้ คาดว่ายอดจับจ่ายเฉลี่ยในสาขาจะอยู่ที่ 4,500 ดอลาร์สหรัฐต่อใบเสร็จ”
เน้นขยายสาขารุกห้างใหญ่
นายธนสิทธิ์เสริมว่า สำหรับสาขาบิ๊กคาเมร่า หลังจากนี้จะเน้นปักธงในห้าง-ศูนย์การค้าใหญ่ อาทิ วัน แบงค็อก และดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เนื่องจากสาขาปัจจุบันสามารถครอบคลุมผู้บริโภคทั่วประเทศไทยได้แล้ว จึงจะเน้นรีโนเวตสาขาเดิมให้ทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อดึงดูดผู้บริโภคระดับกลาง-บนในแต่ละพื้นที่เข้ามาใช้บริการ
ไตรมาสแรกรายได้แตะพันล้าน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเอกสารชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 ซึ่งบิ๊กคาเมร่าแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น ผลประกอบการไตรมาสแรกอยู่ที่ 1,015.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% จากช่วงเดียวกันของปี 2567 เช่นเดียวกับกำไรเบ็ดเสร็จ สำหรับงวด 36.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.87%
โดยบริษัทระบุว่า การเพิ่มขึ้นของยอดขายมาจากทุกประเภทสินค้า หลังกระแสโดรนยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการได้รับการสนับสนุนการสร้างกิจกรรมทางการตลาดจากทางแบรนด์ผู้ผลิตสินค้าเพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อ ส่งผลให้ผลกำไรเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘บิ๊กคาเมร่า’ มุ่งตลาดไฮเอนด์ จับมือ ‘ไลก้า’ ปักธงพารากอน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net