แบงก์กรุงเทพ เปิดกำไรไตรมาส2 ที่ 1.18หมื่นล้าน วูบ 6.2% หลังตั้งสำรองเพิ่ม 18%
ล่าสุดธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BBL เปิดกำไรสุทธิไตรมาส 2 อยู่ที่ 11,840 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.2 จากไตรมาสก่อน
โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ลดลงจากค่าธรรมเนียมการอนุมัติสินเชื่อ และค่าธรรมเนียมบริการประกันผ่านธนาคาร รวมถึงบริการกองทุนรวม ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล
ขณะเดียวกัน ธนาคารยังคงมีการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง ทั้งนี้ ธนาคารได้พิจารณาตั้ง สำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ตาม งวดครึ่งปีมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 24,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 จากงวดแรกปีก่อน
สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารสินทรัพย์ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจหลายด้าน ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 63,614 ล้านบาท และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิร้อยละ 2.85
ซึ่งเป็นไปตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงิน ที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และกำไรจากเงินลงทุน
ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงส่วนใหญ่จากการบริการธุรกรรมผ่านธนาคาร สุทธิกับรายได้จากบริการการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารมีการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับการบริหารค่าใช้จ่าย ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ร้อยละ 45.3
สำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในงวดแรกปี 2568 มีจำนวน 19,807 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับงวดแรกปีก่อน
ธนาคารกรุงเทพยังคงแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพ
ฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,712,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 จากสิ้นปีก่อน ส่วนใหญ่จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 3.2 ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้
โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุน
ด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 283.6 เป็นผล
จากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง
ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน2568 จำนวน 3,195,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8
จากสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 84.9
ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยง
ของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ร้อยละ 22.0 ร้อยละ 17.5 และร้อยละ 16.7 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่
สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด