‘ทักษิณ’ ห่วงเสถียรภาพการเมือง มั่นใจไม่มีเปลี่ยนตัวนายกฯ
17 ก.ค.2568 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในเวทีปลดล็อกอนาคตประเทศไทย …สู้วิกฤตโลก (Unlocking Thailand’s Future) จัดโดยสำนักข่าวไทย อสมท.นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ“ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย…สู่อนาคต” และให้สัมภาษณ์ในรายการ “ฟังหูไว้หู” โดยมี นายวีระ ธีรภัทร และ น.ส.ชุติมา พึ่งความสุข ดำเนินรายการสด
นายทักษิณ กล่าวตอนหนึ่งในการปาฐกถาพิเศษว่า วันนี้รัฐบาลมีความชอบธรรมในการออกกฎหมายในการแก้ปัญหาสำคัญของประเทศอย่างรวดเร็วทันใจ ไม่เช่นนั้นมันไม่ไปไหน คิดว่าวันนี้มีใครที่ไปคิดว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนนายกฯ มันไม่มีหรอก เพราะเราต้องทำงานต่อเนื่อง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ ก็แถมตนที่เป็นเสมียนของประเทศ
เมื่อนายทักษิณพูดถึงช่วงนี้ น.ส.แพทองธาร ที่มาร่วมฟังในงานดังกล่าว ได้หัวเราะเมื่อถูกกล่าวถึง
ก่อนที่นายทักษิณ จะกล่าวต่อว่า ตนขอเป็นเสมียนให้ประเทศ รวบรวมทุกอย่างส่งให้นายกฯ และรัฐมนตรีไปดู ตนเป็นคนชอบรวบรวมปัญหาและแนวทาง เป็นเรื่องที่อยากเห็นในบ้านเรา
ตนมีเพื่อนเป็นคนสิงคโปร์ วันที่ตนกลับประเทศไทย เขาบอกว่าในฐานะเพื่อนเขาดีใจมาก แต่ในฐานะคนสิงคโปร์เขาหนักใจ เพราะเขาต้องปรับการแข่งขันกับไทย แต่พอตอนนี้เขาเห็นเราตีกัน นายกฯถูกพักงานด้วยเรื่องเฮงซวย เขาเลยบอกว่า วันนี้เขาไม่ต้องกังวลแล้ว เพราะประเทศไทยแข่งกับเขาไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่เราไม่ควรทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ เราควรหันหน้าเข้าหากันและทำให้บ้านเมืองเราเจริญรุ่งเรืองดีกว่า
วันนี้สำคัญเราต้องรักกัน แม้จะอยู่คนละฝั่ง สมัยก่อนตอนที่ตนเข้าการเมืองใหม่ๆ ด่ากันในสภาฯ เสร็จ ก็มานั่งกินกาแฟกันข้างหลัง นั่งห้องสหประชาชาติ ดื่มไวน์กัน ไม่มีปัญหา แต่พอตนมา พรรคไทยรักไทยที่โตมากเกินไป ทีนี้คุยกันไม่รู้เรื่อง จะเอาเป็นเอาตายกันให้ได้ ซึ่งมันเป็นเกม ใครชนะก็ไปทำหน้าที่ ใครแพ้ก็เป็นฝ่ายค้าน คอยติงเอา ควรจะเป็นเช่นนั้น แต่กลับไม่ยอมรับสภาพตรงนี้ ตนก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญแล้ว เราจะต้องเร่งให้เมืองท่องเที่ยวเป็นสมาร์ทซิตี้ นั่นคือการติดกล้อง เอไอให้หมด วันก่อนมีคนเอาระเบิดควันไปทิ้งบ้านข้างๆ ที่ติดกับบ้านตน อาจจะทำให้ตนตกใจมั้ง ซึ่งเหตุเกิดเมื่อเวลา 3-4 นาฬิกา ซึ่งตำรวจก็ติดตามและไปเจอรูปที่ร้านสะดวกซื้อที่วงเวียนใหญ่ หากเรามีสมาร์ทซิตี้ที่ติดกล้องเอไอทั่วถึงและมีซอฟต์แวร์ที่ถูกต้องที่ดีความปลอดภัยก็จะสูงขึ้นมาก
ต่อจากนั้น นายทักษิณ กล่าวตอบคำถามในรายการ “ฟังหูไว้หู” ถึงสิ่งที่กล่าวบนเวทีทั้งหมด หากสำเร็จจะทำให้ประเทศไทยพ้นจากกับดักหรือไม่ นายทักษิณ ระบุว่า ต้องเอาเงินใหม่เข้าประเทศเยอะๆ เมื่อเงินสะพัด เศรษฐกิจก็จะดี
สมัยที่ตนหาเสียงไทยรักไทยมีแต่คนขายไม่มีคนซื้อ หลังจากที่เราแก้ปัญหาหนี้ได้ สร้างโอกาสใหม่ หลังจากนั้นขายดี แต่ในครั้งนี้เป็นโชคดีและโชคร้าย คือเศรษฐกิจแย่ โครงสร้างทางเศรษฐกิจเสียหายเยอะ แต่ดีที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ จึงมีทางลัดได้หลายอย่าง แต่เราต้องนำมาใช้ให้ได้
เม็ดเงินเราไม่มีโดยตรง เพราะหนี้เยอะ เราสามารถใช้เม็ดเงิน 2 ส่วน ซึ่งส่วนหนึ่งคือเม็ดเงินที่เกิดจากการสร้างเหรียญขึ้นมา เช่น เราเอาหนี้มาทำเป็นสภาพคล่อง เพราะปกติหนี้ไม่ใช่เป็นสภาพคล่อง แต่เราสามารถเอาหนี้มาทำเป็นสภาพคล่องด้วยจีโทเคนที่กำลังจะออก
ผู้ดำเนินรายการ ถามว่า สมมุติว่าหากทำได้ จากที่นายทักษิณพูด จากนี้ไปอีกกี่ปีที่ประเทศไทยจะลืมตาอ้าปาก นายทักษิณ กล่าวว่า คิดว่าทุกอย่างมันแย่มานาน จะให้เสร็จภายในข้ามคืน มันยาก แต่เราก็ต้องเริ่ม ระบบเราช้า ตนได้บอกกระทรวงการคลังว่า เรามาทำจีโทเคนกันหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาสักพัก กว่าเขาจะเข้าใจ แล้วเมื่อเข้าใจ ก็กลัว แต่ไม่ทันใจ
สมมุติว่าตนจะเอาหนี้มาขายทั่วไป และในวันนี้พันธบัตรก็ขายสถาบันต่างชาติ เมื่อขายเราก็ให้สั้นหน่อย สมมุติว่าอยากจะไปซื้อรถยนต์ และรถยนต์รับพันธบัตร ซึ่งพันธบัตรต้องเสียภาษี รัฐจะได้อยู่ที่ 7% ถ้าเอาส่วนนี้มาจ่ายดอกเบี้ย 3% จะทำให้เกิดสภาพคล่อง เศรษฐกิจหมุนเวียน
ผู้ดำเนินรายการ ถามต่อว่า จะทำปาฏิหาริย์ให้กลับมาเป็นครั้งที่ 2 จากปี 2532 ได้หรือไม่ อดีตนายกฯ กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าเราจะทำ แล้ว
วันนี้เป็นลักษณะของรัฐบาลต้องอาศัยความร่วมมือ ถ้าความร่วมมือมี มันไม่ยาก วิธีคิดเราไม่มีตันเด็ดขาด ฉะนั้น ที่สำคัญที่สุดในวันนี้คือ เอาเงินในทุกสภาพเข้ามาใช้ในประเทศไทยให้มากที่สุด
เมื่อถามว่า โมเดลเหมือนเป็นสูตรเดิม มีส่วนผสมอะไรใหม่ นายทักษิณกล่าวว่า สูตรเดิมแต่ปรุงใหม่ ยกตัวอย่างเช่น วันนี้รูปแบบการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป เราจะดูวัตถุโบราณอย่างเดียวไม่พอแล้ว ก็ต้องสร้างสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นอะไรขึ้นมาบ้าง และที่สำคัญที่สุดคือประเทศไทยเรามีบริการที่ดีที่สุดในโลก เพียงแต่คนเหี่ยวเพราะรายได้ไม่มี
ฉะนั้น ต้องให้คนไทยคึกขึ้นมาใหม่ ซึ่งวันนี้คนไทยไม่มีความหวัง วันนี้เราต้องเอาความหวังกลับมาให้คนไทย ตนพยายามจะพูดเพื่อให้คนไทยมีความหวัง และไม่เคยมองอะไรยาก แต่บางอย่างต้องใช้เวลาและพยายามขอความร่วมมือ สิ่งที่ตนพูดทำได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรทำไม่ได้
เมื่อถามว่า อะไรเป็นความเสี่ยงหลักที่กลัวที่สุดตอนนี้ นายทักษิณ ตอบว่า
วันนี้เป็นห่วงเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง และบางคนเป็นประเภทแบบนกรู้ รู้ไม่รู้ ก็ทำเป็นนกรู้ก่อน ซึ่งจะเกิดการชะงักเล็กน้อย ถ้าการเมืองเกิดการชะงัก การบริหารประเทศก็จะชะงักตาม ฉะนั้น สิ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้คือเสถียรภาพทางการเมือง
จริงๆ แล้วจากผลสำรวจ คนสนใจคำว่าความหวังถึง 62% เพราะเขากังวลเรื่องของความมั่นคงทางการเงินของเขาเองในทุกครอบครัว ส่วนเรื่องการเมืองเหลือ 3% ตอนนี้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ตนคิดว่ารัฐบาลอ่อนที่สุด คือการสื่อสารกับประชาชน ที่ตนพยายามช่วยพูด คืออยากช่วยสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจว่า งานทำอยู่ และกำลังทำหลายเรื่อง ต้องอธิบายให้เข้าใจแค่นั้นเอง
เมื่อถามถึงโครงการ ที่เป็นนโยบายเรือธง รัฐบาล ที่ล้มไป เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต และทักษิณยืนยันว่า ยังไม่ได้จบ ได้ทำไปบางกรุ๊ปแล้ว แต่วันนี้ถือเงินไว้เพราะเจอภาษีทรัมป์ ถ้าเจอปัญหาขึ้นมาต้องดูว่าทำอย่างไรไม่ให้โรงงานเจ๊ง
เมื่อถามถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตในกลุ่มอายุ 16-20 ปีนั้น ทำไมถึงถอดใจไม่ทำต่อ นายทักษิณ กล่าวว่า เงินไม่พอ เราต้องเก็บเงินไว้เพื่อแก้ปัญหา ถ้าเราจะเพิ่มเพดานหนี้ก็ได้แต่ไม่ควรทำ
ส่วนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในเมื่อคณะรัฐมนตรี เข้ามาใหม่ 10 กว่าคน ก็ควรให้เขารีวิวหน่อย เพราะเนื่องจากมีคนค้านอยู่จำนวนหนึ่ง ตนสนใจว่ามีหลายกลุ่มของประชาชนที่ไม่เข้าใจยังมีอยู่ และ ครม.ใหม่ที่เข้ามาเพื่อความเป็นธรรมควรที่รู้ว่าเป็นอย่างไร
นายทักษิณ ยังตอบคำถาม ถึงประเด็นปัญหาการเมือง หรือปัญหาเศรษฐกิจ อย่างไหนหนักหนากว่ากัน ว่า ปัญหาเศรษฐกิจคาดการณ์ได้ อาจต้องใช้เวลา แต่ปัญหาการเมืองทำนายยาก จิตใจมนุษย์เต็มไปด้วยความโลภ กิเลส เป็นสิ่งที่เดาได้ยาก ยิ่งกว่าเศรษฐกิจที่เป็นไปตามภาวะของโลกที่คาดเดาได้
ส่วนดีลลับมีจริงหรือไม่ นายทักษิณยืนยันว่า ไม่มี มีการสร้างมาเพื่อให้เกิดความตื่นเต้น ไม่มีดีลอะไรเลย แต่ดีลที่แน่นอนคือดีลกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
เมื่อถามย้ำว่า ตอนที่ตัดสินใจในปี 2566 ทุกคนเชื่อว่าต้องมีอย่างน้อยอะไรสักอย่างให้เกิดความมั่นใจ นายทักษิณ ย้ำว่า ทางการเมืองไม่มี ไม่มีดีลการเมืองกับใครเลย กลับมาตามระบบ และทูลขอพระราชทานพระเมตตา ซึ่งก็ได้รับพระราชทาน แค่นั้นเอง
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลนี้อยากเข้ามาทำธุรการกับธุรกิจ สามารถอยู่ได้สบายตลอด 4 ปี แต่เราอยากทำงานแก้ปัญหาให้กับบ้านเมือง
เมื่อถามว่า สถานการณ์ของท่านไม่ได้ดีไปกว่าสถานการณ์ของแพทองธาร ซึ่งในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ศาลอาญานัดพิจารณาคดีมาตรา 112 นายทักษิณกล่าวว่า ไม่ ตนขึ้นศาลเอง ตนรู้ว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ขณะที่พยานอะไรก็ไม่รู้ และตนได้ถามพนักงานสอบสวน ถ้าวันนั้นไม่ถูกกดดัน พยานหลักฐานแค่นี้ จะสั่งฟ้องตนหรือไม่ พนักงานสอบสวนตอบว่า อย่าว่าเรื่องสั่งฟ้องเลย รับคดีก็ไม่รับ เราเคารพศาล สิ่งที่พูดเป็นการเล่าให้ฟัง ว่าเรื่องนี้ไม่มีหลักฐาน
ผมผ่านการเมืองมา 51 ปี ลูกสาวผมอาสา เขาตามผมมาตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ หาเสียงด้วยกันตลอด ฉะนั้น ความอยากใกล้ชิด ช่วยเหลือชาวบ้าน มันอยู่ในดีเอ็นเอ ซึ่งเมื่ออาสาแล้ว เขาให้ทำก็ทำเต็มที่ แต่ถ้าเขาไม่ให้ทำก็กลับไปเลี้ยงลูกต่อไปเท่านั้น
เมื่อถามว่า คนนอกมองทำไมท่านต้องมายุ่งกับการเมือง นายทักษิณ กล่าวว่า ประเทศไทยปัญหาเยอะ และซับซ้อน ถ้าอ่านพระบรมราชโองการลดโทษให้ผม ผมต้องรับใส่เกล้า แล้วจะอยู่เฉย โดยไม่สนใจปัญหาบ้านเมือง ถือว่าไม่ถูกต้อง