คุกเพราะ ๑๑๒ ใครต้องรับผิดชอบ
“…ผมคิดว่าพรรคเพื่อไทยไม่ควรจะเรียกตัวเองว่าเป็นพรรคของฝ่ายประชาธิปไตยอีกแล้ว
พรรคเพื่อไทยไม่ควรเรียกตัวเองว่าเป็นพรรคตัวแทนของการต่อสู้ของผู้เห็นต่างทางการเมืองอีกแล้ว
เพราะคุณคือส่วนหนึ่งของการปล่อยให้คนที่เห็นต่างทางการเมืองติดคุกต่อไป โดยที่คุณไม่มีแม้แต่เสี้ยวหนึ่งของหัวใจในการรับผิดชอบ หรือใช้อำนาจแก้ปัญหาเรื่องนี้
คุณคือพรรคการเมืองที่ปราศจากซึ่งกระดูกสันหลังแห่งความกล้าหาญในการพาสังคมไทยฝ่าออกจากวิกฤต…”
เจ็บครับ!
เป็นคำพูดของ “รังสิมันต์ โรม” รองหัวหน้าพรรคส้ม
ใช่ครับ พรรคเพื่อไทยต้องแสดงความรับผิดชอบที่ปล่อยให้คนเห็นต่างทางการเมืองติดคุกโดยไม่ไยดี หลังพรรคเพื่อไทยโหวตคว่ำร่างกฎหมายนิรโทษกรรมจำนวน ๒ ฉบับ
ทั้ง ๒ ฉบับเนื้อหานิรโทษกรรมผู้ที่ทำผิดคดี ม.๑๑๒
ทำไมพรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบ?
ก่อนการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖ “แพทองธาร ชินวัตร” พูดถึงข้อเสียของ ม.๑๑๒ และเห็นว่าสมควรได้รับการแก้ไข
“…กฎหมายต้องแก้ในสภา ถ้าเรามาดูกันว่า ๑๑๒ ในปัจจุบัน ตั้งแต่ ๘ ปีที่ผ่านมา เคสของ ๑๑๒ เพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
เพิ่มขึ้นหลักร้อย
ซึ่งสมัยก่อนมันไม่เป็น มันเพิ่งมาเป็นตอนนี้ และถ้าเราไม่ถกกันในสภา มันก็จะไม่จบ…”
“…แล้วเราควรกำหนดว่าใครควรมีสิทธิที่จะฟ้องได้บ้าง ไม่อย่างนั้น ๑๑๒ จะกลายเป็นเกมของการเมือง กลายเป็นเกมของคนที่ต้องการสาดสีกัน ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น
พูดเลยว่าคนที่จะออกมาฟ้องได้ ต้องเป็นสำนักพระราชวังไหมที่มีสิทธิฟ้อง
ถ้าทุกคนฟ้องได้ มันเหมือนกับใช้กฎข้อนี้ที่มันฟ้องง่ายเหลือเกิน เอามาแกล้งกัน ซึ่งมันก็ไม่แฟร์กับคนที่มีความคิดที่อาจจะแตกต่างเล็กน้อย เพราะโทษมันโหดร้าย…”
“…ทันทีที่เราเป็นรัฐบาล เราก็จะขอความเมตตาจากศาลที่มีน้องๆ ที่เข้าไปติดคุกอยู่หรืออะไรอย่างนี้ให้พิจารณาว่าอย่างไรต่อ
เราต้องกำหนดตัวบทกฎหมาย ใครฟ้อง โทษของมันขั้นสูงสุด maximum อยู่ที่ตรงไหน เพราะว่าตอนนี้มันถูกดึงเอามาเป็นเกมการเมือง
อันนี้คือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้สนับสนุนเรื่องนี้ ถ้าเราดึงมาเล่นแบบนี้มันไม่ใช่ มันต้องคิดว่าคนที่ฟ้องได้ สำนักพระราชวังไหม…”
ชัดถ้อยชัดคำครับ
ชัดยิ่งกว่าคุยกับ “ลุงวุ้นเส้น” หลายขุม
ก็อย่างที่ทราบกัน หลังพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ยันรัฐบาลแพทองธาร ภายใต้การกำกับของ “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่มีการทำอย่างที่พูดไว้ตอนหาเสียง
ไม่เท่านั้น ท่าทีของพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนไป
โหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับที่มีเนื้อหานิรโทษกรรมผู้ที่ทำผิดคดี ม.๑๑๒
นับเป็นการสับปลับ ปลิ้นปล้อน ตอแหลอย่างสิ้นเชิง
แต่…ความรับผิดชอบของนักการเมืองไม่ได้จบที่พรรคเพื่อไทยเท่านั้น
พรรคส้มควรแสดงความรับผิดชอบไม่แพ้กัน
อาจต้องมากกว่าพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ
ว่าไปแล้ว พรรคเพื่อไทยคือปลายเหตุของเรื่อง เป็นเพียงแค่การรับปากในการหาเสียง เพราะต้องการคะแนนนิยมจากประชาชนกลุ่มที่ไม่พอใจกับการมีสถาบันพระมหากษัตริย์
พูดง่ายๆ พรรคเพื่อไทยเองก็ต้องการเสียงสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดล้มเจ้าเช่นเดียวกับพรรคส้ม เพราะคิดว่ากลุ่มนี้มีฐานคะแนนเสียงที่ใหญ่พอสมควร
หากแย่งมาได้จะเป็นการเพิ่มโอกาสชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์
รับปากส่งเดช สุดท้ายไม่ทำ
แต่พรรคส้มนั่งยันนอนยันมาตลอดจวบจนวันนี้ ต้องการทลายกำแพง ม.๑๑๒ ให้ได้
ไม่งั้นประเทศไทยไม่เจริญ
พรรคส้มคือต้นแบบ หรือแรงบันดาลใจให้ผู้ต้องคดี ม.๑๑๒ ทั้งหมดกระทำการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
เรื่องนี้มิใช่ยกเมฆขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายว่าพรรคส้มไม่จงรักภักดี เพราะจริงๆ แล้ว พรรคส้มเองก็ไม่ชอบคำว่า “จงรักภักดี”
แรงบันดาลใจทำผิด ม.๑๑๒ ปรากฏในคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ คดีล้มล้างการปกครอง และคดียุบพรรคก้าวไกล
ไม่ว่าจะเป็นการแก้ ม.๑๑๒ ลดโทษลงมาเหลือคดีหมิ่นประมาทธรรมดา ให้ประชาชนวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ได้ รวมไปถึงให้ยกเลิก ม.๑๑๒ เช่นกรณี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ใช้หาเสียงกับเด็กๆ สามนิ้ว
พรรคส้มนำตรรกะที่ว่า คนเท่ากัน มาใช้กับบริบทการปกครองของไทย แล้วสรุปว่า ฉะนั้นทุกคนต้องเท่ากัน
แต่ในข้อเท็จจริง ประชาธิปไตยต้นแบบอย่างอเมริกา หรืออังกฤษ ไม่มีคำว่า “คนเท่ากัน” เพราะมันไม่เท่ากันจริงๆ
ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี มีอภิสิทธิ์เหนือประชาชนธรรมดามากมาย
เพราะผู้นำต้องได้รับการปกป้อง
ในพรรคส้มเองก็ไม่เท่ากัน
มีหัวแถวหางแถวเหมือนพรรคอื่น
มีศักดินา มีนายทุน มีชนชั้น
ไม่เชื่อลองจับ “ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ-พิธา” โยนใส่กลางวง สส.พรรคส้มสิครับ จะเห็นปฏิกิริยาแห่งความเป็นชนชั้นชัดเจน
เท่านั้นไม่พอ พรรคส้มมีพฤติกรรมอยู่เบื้องหลังคนทำผิด ม.๑๑๒ มาตั้งแต่ชื่อพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล ยันพรรคประชาชน
“ธนาธร” กับบรรดาแกนนำพรรคส้มทั้งในอดีตและปัจจุบัน คือผู้ส่งเสริม สนับสนุน แนวร่วม ๓ นิ้ว ในการทำผิด ม.๑๑๒ อย่างเปิดเผย
มีการใช้ตำแหน่ง สส.ประกันตัว
มีการไปปรากฏตัวในหลายที่ที่มีการทำผิด ม.๑๑๒
มีการให้กำลังใจ ทั้งๆ ที่ประจักษ์ด้วยสายตาและรูหูว่า ผู้สนับสนุนพรรคตนกำลังทำผิด ม.๑๑๒
ที่สำคัญ ไม่เคยห้ามปราม
มีแต่ส่งเสริม
ฉะนั้น หากจะหาใครสักคนมารับผิดชอบกับเยาวชนหัวดำหัวขาวที่สิ้นอิสรภาพเพราะทำผิด ม.๑๑๒ ก็ไม่ต้องมองไปที่ไหนไกล
พรรคพวก “รังสิมันต์ โรม” นี่แหละครับ
ตัวยุยงตัวเป้งทั้งนั้น
ก็มีทางเดียวครับ เพราะเห็นขู่กันฟ่อ เลือกตั้งคราวหน้าพรรคส้มต้องได้ สส.เกินครึ่ง
ได้เป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ก็อย่าลืมนะครับ งานอื่นยังไม่ต้องทำ เรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ความมั่นคงของชาติเอาไว้ก่อน
งานแรกต้องรับจบให้ได้ในทันทีคือ นิรโทษกรรม ม.๑๑๒
แล้วจะรู้ว่าสันดานพรรคส้มไม่ต่างจากเพื่อไทย
นักการเมืองสามารถทำให้มวลชนที่สนับสนุนประหลาดใจได้เสมอ
ถึงส้มไม่ใช่แม่สี แต่หากนำไปผสมกับสีอื่น สีก็เปลี่ยนเช่นกัน.