ประโยชน์ “มะละกอ” อุดมด้วยวิตามินและเอนไซม์ปาเปน กินแต่พอดีช่วยสุขภาพ
มะละกอ ผลไม้หาทานจ่าย ราคาย่อมเยา มีรสชาติความหวานเฉพาะตัว เป็นไม้ล้มลุกขนาดใหญ่สูงราว 1-8 ผลเป็นรูปยาวรี ปลายแหลม เมื่อยังดิบเนื้อแข็ง มีสีขาวอมเขียว หรือที่เรามักคุ้นเคยกันในเมนูส้มตำที่มีส่วนผสมหลักเป็นมะละกอ ขณะที่เมื่อมะลอสุกแล้ว เนื้อจะอ่อนนุ่ม มี สีเหลืองส้ม ส้มเกือบแดง รสหวาน ภายในผลจะมีเมล็ดรูปไข่สีน้ำตาล ดำจำนวนมาก มะละกอมีหลายสายพันธุ์ แต่ละพันธุ์ก็ให้สีสันของเนื้อ ลักษณะของเนื้อ และรสชาติแตกต่างกันไป ที่นิยมในประเทศไทยได้แก่ พันธุ์แขกดำ พันธุ์แขกนวล พันธุ์ฮอลแลนด์
ส้มโอ ผลไม้วิตามินซีสูงปกป้องเซลล์ ไฟเบอร์เยอะช่วยบำรุงลำไส้
"น้ำผึ้ง" ความหวานจากธรรมชาติ แก้ไอเจ็บคอ และลักษณะน้ำผึ้งที่ดี
มะละกอเป็นผลไม้ที่ นิยมทานสด หรือนำไปคั้นเป็นน้ำมะละกอ แน่นอนว่านำไปทำอาหารคาวและหวานได้อีกหลากหลายเมนู
ประโยชน์ของมะละกอ
มีค่อนข้างมาก มีสรรพคุณเป็นทั้งยารักษาโรค โดยสรรพคุณมะละกอก็เช่น ใช้เป็นยาระบาย มีเอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร ยาขับปัสสาวะ ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด อีกทั้งยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่หลายชนิด ซึ่งช่วยให้สุขภาพของคุณแข็งแรง ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส เพราะมีวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 ธาตุแคลเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก โปรตีน เป็นต้น ขณะที่ให้พลังงานแคลอรี มะละกอสุก 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 43 กิโลแคลอรี มะละกอดิบ 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 36 กิโลแคลอรี
นอกจากนี้มะละกอยังมี เอนไซม์ปาเปนถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น เบียร์ ไวน์ และน้ำผลไม้ เพื่อทำให้เครื่องดื่มใส โดยย่อยโปรตีนโมเลกุลใหญ่ที่ทำให้ขุ่น และยังใช้เป็นสารทำให้นุ่มเนื้อสัตว์โดยช่วยย่อยเนื้อที่เหนียวให้เปื่อยนุ่มลงเมื่อปรุงสุก แต่ควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่แพ้มะละกอ ผู้มีปัญหาเลือดออกผิดปกติ หรือก่อนเข้ารับการผ่าตัด ควรปรึกษาแพทย์ และควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับมะละกอดิบ เพราะอาจระคายเคืองผิวหนังหรือเยื่อบุได้
อย่างไรก็ตามถึงมะละกอจะเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์อย่างมาก แต่ควรรับประทานแต่พอดี และไม่ควรรับประทานมะละกอสุกในปริมาณมาก ๆ หรือติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจจะทำให้ผิวของคุณเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : medthai และ กระทรวงสาธารณสุข