Pay by Face ซื้อของที่เกาหลีใต้ สามารถใช้ใบหน้าจ่ายเงินได้แล้ว
“เทคโนโลยีจดจำใบหน้า” ครั้งหนึ่งใช้เพื่อระบุอัตลักษณ์บุคคล เช่น การผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือใช้เพื่อปลดล็อกสมาร์ทโฟน แต่ตอนนี้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า ได้ถูกนำมาใช้กับการจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าที่ร้านค้าในเกาหลีใต้แล้ว
การจ่ายเงินด้วยใบหน้านี้ เรียกว่า“pay-by-face” เป็นวิธีจ่ายเงินซื้อของแบบใหม่ของเกาหลีใต้ ที่ถูกนำมาใช้อย่างรวดเร็วโดยบริษัทฟินเทค เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการแข่งขันบริการด้านการเงินในยุคถัดจากนี้
รายแรกที่เริ่มนำระบบนี้มาใช้ คือ ชินฮันการ์ด บริษัทบัตรเครดิตยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ โดยเริ่มทดลองใช้กับโรงอาหารและคาเฟ่เสมือนที่สำนักงานใหญ่ก่อนตั้งแต่ปี 2019 หลังจากนั้นมีการขยายไปยังร้านสะดวกซื้อในมหาวิทยาลัยฮันยาง และห้างโฮมพลัส
ถึงตอนนี้ บริการดังกล่าวของบริษัทชินฮันยังอยู่ในขอบเขตจำกัด หลักๆ ใช้ภายในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท และร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ตบางแห่ง
จุดเปลี่ยนของการนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้ามาใช้ในการซื้อสินค้า เกิดจากการเข้ามาสู่ตลาดการเงินของสองบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านฟินเทคของเกาหลีใต้ คือ Naver Pay และ Toss ในการขยายส่วนแบ่งตลาดออนไลน์เข้าไปยังร้านค้าปลีกต่างๆ โดย Naver Pay เริ่มระบบให้บริการนี้ในคณะต่างๆ ของมหาวิทยาลัยในเดือนมีนาคม 2024
“มันเป็นบริการที่สร้างขึ้นบนเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งมอบความสะดวกสบายอีกระดับให้กับผู้ใช้งาน ขณะเดียวกันก็ผสมผสานระบบความปลอดภัยที่ล้ำหน้า ซึ่งสามารถตรวจจับการหลอกลวงได้” ลี ซึงเบ ผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยีของ Naver กล่าว
ส่วน Toss เริ่มให้บริการดังกล่าวเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาผ่านช่องทางต่างๆ ของบริษัท รวมถึงส่งเสริมให้คนเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น Toss เผยว่า มีผู้ค้าจากทั่วเกาหลีใต้ราว 160,000 รายที่ใช้ช่องการรับชำระเงินด้วยการสแกนใบหน้าผ่านช่องทางของบริษัท และตอนนี้มีร้านค้ามากกว่า 20,000 แห่งทั่วกรุงโซล ซึ่งรวมถึงร้านสะดวกซื้อที่เป็นสาขาของห้างค้าปลีกรายใหญ่ และปั๊มน้ำมัน ที่สามารถชำระเงินด้วยวิธีการนี้ได้
จำนวนร้านค้าที่ใช้บริการชำระเงินด้วยระบบจดจำใบหน้าผ่านช่องทางของ Toss กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะโตในอัตราเร่งที่มากขึ้น แต่ท่ามกลางการขยายบริการที่รวดเร็ว ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการเพิ่มการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงความกังวลต่อการรั่วไหลของข้อมูลใบหน้าซึ่งมีความละเอียดอ่อนสูง และเป็นข้อมูลที่สถาบันการเงินจะแบ่งปันหรือนำไปขายให้ผู้อื่นไม่ได้ ซึ่งนำไปสู่ข้อจำกัดในการให้บริการของผู้ให้บริการที่ต่างกัน
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าจะเกิดการผูกขาดการให้บริการในระบบชำระเงินใหม่นี้ในแบบ“ผู้ชนะกินรวบ” เมื่อผู้ค้าไม่มีแนวโน้มที่จะติดตั้งช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายแบบจากผู้ให้บริการรายอื่นๆ
ความกังวลเกี่ยวกับการเก็บและการใช้ข้อมูลใบหน้า เป็นความท้าทายระยะยาว เพราะหากข้อมูลใบหน้าถูกขโมยหรือรั่วไหลแล้ว จะเป็นเรื่องยากมากที่จะกู้คืนกลับมา อีกทั้งข้อมูลประเภทนี้ยังเสี่ยงต่อการถูกปลอมแปลงหรือดัดแปลงได้ง่ายอีกด้วย
ศูนย์ศึกษาวิจัยนโยบายเอไอของมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ระบุว่า ภายใต้กฎระเบียบทางการเงินในปัจจุบัน บริษัทที่ใช้เทคโนโลยีนี้อาจต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งหมายถึงธุรกิจจะต้องลงทุนอย่างมหาศาลในการพัฒนาโมเดลจดจำใบหน้าที่มีความแม่นยำสูงมาก เพื่อให้ระบบเชื่อถือได้ และลดความเสี่ยงต่อการถูกปลอมแปลงลงให้ได้มากที่สุด
ที่มา
No card, no phone, just you: Pay-by-face expands in Korea