ไม่ต้องอิจฉา! เผยค่าจ้าง "พระเอก AV" น้อยเหลือเชื่อ แถมกฎสุดโหด ได้เงินครึ่งเดียว ถ้า...
อยากเป็น "พระเอก AV" ในไต้หวันเหรอ? เปิดค่าตัว-ความกดดันสุดโหด ก่อนตัดสินใจก้าวเข้าเส้นทางนี้
อาชีพพระเอกหนังผู้ใหญ่ (AV) อาจดูเหมือนเป็นงานในฝันของผู้ชายหลายคน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ โดยเฉพาะในวงการ AV ของไต้หวัน ที่มีเบื้องหลังสุดโหดและค่าตัวที่ต่ำกว่าที่หลายคนคิด
ค่าตัวน้อยกว่านางเอกถึง 10 เท่า!
ตามการเปิดเผยของช่างภาพ AV รายหนึ่งในไต้หวัน พระเอก AV ส่วนใหญ่จะได้รับค่าตัวเพียงประมาณ 6,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 7,000 บาท) ต่อการถ่ายทำ 1 เรื่อง ซึ่งถือว่าเพียงหนึ่งในสิบของนางเอก AV ในเรื่องเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้น หากพระเอกไม่สามารถ "เสร็จสมบูรณ์" ตามแผนในฉากสุดท้ายได้ ค่าตัวจะถูกหั่นครึ่งทันที เหลือเพียงแค่ 3,000 ดอลลาร์ไต้หวัน เท่านั้น และในบางกรณีถึงขั้นต้องใช้อุปกรณ์อย่างครีมอาบน้ำหรือโฟมมาลวงตากล้องเพื่อ “ถ่ายแทนจริง”
ความกดดันในกองถ่ายไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
แม้ว่าค่าตัวจะดูน้อย แต่ช่างภาพ AV ระบุว่าพระเอกสามารถถ่ายหลายเรื่องในวันเดียว ทำให้รวมแล้วรายได้อาจไม่น้อย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นอุปสรรคหลักคือ "สภาพร่างกาย" ของพระเอก หากมีปัญหาหรือไม่สามารถทำหน้าที่ได้ในขณะถ่ายทำ ก็อาจทำให้ทั้งกองต้องหยุดรอ ส่งผลให้เกิดความกดดันมหาศาลต่อเจ้าตัว
หลายครั้งที่ทีมงานต้อง "รอจนกว่า" พระเอกจะสามารถฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกายกลับมาได้ ซึ่งบรรยากาศในกองถ่ายจริงจะแตกต่างจากภาพในหนังหรือจินตนาการของคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
ประสบการณ์ตรงจากพระเอก AV รุ่นเก๋า
“仔仔” พระเอก AV ชาวไต้หวันผู้มีประสบการณ์ในวงการกว่า 5 ปี และมีผลงานมากกว่า 500 เรื่อง ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการ 新聞歸剛欸 โดยเผยว่า:
“คนส่วนใหญ่มักคิดว่าพระเอก AV คือคนที่ได้มีความสุขในขณะถ่ายทำ แต่ความจริงคือการถ่ายทำเต็มไปด้วยความเหนื่อยและความเครียด”
เขาเล่าว่าการถ่ายทำในแต่ละครั้งใช้เวลานานถึง 6-12 ชั่วโมง โดยที่พระเอกต้องรักษาสมรรถภาพและความแข็งแรงตลอดเวลา อีกทั้งยังต้องทนกับสภาพอากาศเพราะห้ามเปิดแอร์เพื่อไม่ให้เสียงรบกวนการบันทึกเสียง และต้องแสดงท่าทางที่ฝืนธรรมชาติ ซึ่งหลังจบงานแต่ละครั้งก็มักจะ "หมดแรง" อย่างแท้จริง
ไม่ใช่งานในฝัน แต่คือการแบกรับทั้งร่างกายและจิตใจ
จากเบื้องหลังที่ถูกเปิดเผยนี้ เห็นได้ชัดว่าอาชีพพระเอก AV ในไต้หวันไม่ใช่งานสนุกหรือสบายอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นการทำงานที่ต้องอาศัยทั้งวินัย ความอดทน และการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังต้องแบกรับความกดดันทางจิตใจมากกว่าที่คิด