บช.ก.ประชุมลับ-ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อ ปมคลิปเสียงนายกฯ สนทนา “ฮุน เซน”
บช.ก.ประชุมลับ-ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อ ปมคลิปเสียงนายกฯ สนทนา “ฮุน เซน” - ยังไม่ฟันธงผิดหรือไม่
วันที่ 7 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บช.ก. จากกรณีที่เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา พร้อมพวก เข้าแจ้งความกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บช.ก. ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยกล่าวหาว่าการทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ในประเด็นที่มีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ความยาว 17.06 นาที ซึ่งมีเนื้อหาล่อแหลมส่งผลทําให้ประเทศชาติเสียหาย
ต่อมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว ประกอบไปด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการกองปราบปราม เป็นรองหัวหน้าคณะ พร้อมด้วยทีมงานพนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปราม
โดยในวันนี้เวลา 14:00 พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน ได้นัดประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดใหญ่เป็นครั้งแรกที่กองบังคับการปราบปราม
โดยมีรายงานข่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการนำประเด็นที่มีการแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ มาเปรียบเทียบกับข้อกฎหมายว่าเข้าข่ายความผิดใดบ้าง ซึ่งยังไม่สามารถสรุปข้อกฎหมายได้ในขณะนี้ รวมถึงแนวทางการสอบสวนหากพบว่าเข้าข่ายความผิด
อย่างไรก็ตาม การประชุมดังกล่าวไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นไปเก็บภาพบรรยากาศก่อนการประชุม รวมทั้งผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่อยู่ในคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อมวลชนบริเวณด้านหน้าอาคารกองบังคับการปราบปราม
ต่อมาเวลา 15:30 มีรายงานข่าวว่า การประชุมครั้งแรกของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เสร็จสิ้นลง
โดยมีรายงานต่อว่า การประชุมครั้งนี้นั้นเป็นการรวบรวมนำข้อมูลของผู้ที่แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.แพทองธาร จากหลายท้องที่ทั่วประเทศมารวบรวมสำนวนไว้ที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนที่เดียว รวมทั้งจะนำข้อมูลหลักฐานที่ปรากฏมาเปรียบเทียบกับข้อกฎหมาย ว่าพฤติการณ์ที่แจ้งความร้องทุกข์นั้นเข้าข่ายกระทำความผิดฐานใดบ้าง
แต่อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะต้องสอบสวนรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติม แต่รายละเอียดของการประชุมครั้งนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ