Business Today Thai Politics 14 กรกฎาคม 2568
ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนมาตราฐานจริยธรรมแพทองธาร คดีคลิปฮุนเซน
วันนี้ ( 14 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่าที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีมติเอกฉันท์แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน กรณีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทำการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ที่มีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เกี่ยวกับความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา
โดยมีนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวนด้วย
“พรหมินทร์” เผยแนวทางแจงศาล รธน. คลิปเสียงนายกฯคุยฮุนเซน
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีการส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญปมคลิปเสียงสนทนานายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฯ ฮุน เซน ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการ หากไม่ทันตามกรอบเวลา 15 วันก็อาจจะมีการขยายเวลาออกไป
ส่วนดึงนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีเข้ามาเป็นทีมกฎหมาย ใช่หรือไม่นั้น นายแพทย์พรหมินทร์ ระบุว่าในวันนี้ ข้อเท็จจริงต้องมาก่อน แต่ถ้าที่ปรึกษากฎหมายมีข้อคิดเห็นและข้อแนะนำดี ๆ ก็พร้อมรับฟัง
ขณะที่ทีมกฎหมายมีทั้งฝ่ายรัฐบาล ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย ด้วยใช่หรือไม่ นายแพทย์พรหมินทร์กล่าวว่า เป็นชุดของนายกรัฐมนตรี จะมาจากทางไหนก็แล้วแต่ โดยก่อการต่อสู้ จะเน้นไปที่ความเป็นจริงและเจตนาที่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยจะสื่อสารให้ชัดเจน แม้กระทั่งกระบวนการที่ทำผ่านมา เราถูกเขาใช้ประโยชน์จากวิธีการต่าง ๆ
โดยวิธีที่ไม่เหมาะสม เช่น การเอาคลิปพูดคุยกันส่วนตัวมาเผยแพร่ ทั้งนี้ หากไปฟังในเนื้อหาจะเห็นว่าเจตนาทั้งหมดเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติ โดยวิธีการสื่อสารที่ไม่ใช่ตัวแทนของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งเรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดบนเวทีว่าเป็นการพูดคุยกันแบบส่วนตัว เป็นเจตนาที่บริสุทธิ์ และสมเด็จฯ ฮุน เซน มีเจตนาที่จะโทรเข้ามาพูดคุยคนเดียว ตรงจุดนี้จะใช้เป็นข้อชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายแพทย์พรหมินทร์ กล่าวว่า ส่วนตัวอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นนายกรัฐมนตรีได้ถูกติดต่อมา และมีการเลื่อนนัดสองถึงสามครั้ง
ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้สบายใจจึงติดต่อมายังตนเอง และมีการเชิญ นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น และนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมด้วย โดยมีการไปนั่งเพื่อรอการติดต่อกลับมา และระหว่างการเจรจา นายฮวด ก็ระบุว่า จะจบไม่ได้ ต้องมีการหารือกับสมเด็จฯ ฮุน เซน ก่อน ซึ่งได้มีการต่อสายถึงสมเด็จฯ ฮุน เซน เราก็นั่งรอ และมีการถ่ายภาพสมเด็จฯ ฮุน เซน ที่นอนอยู่ส่งกลับมาให้ เราเลยบอกว่า “ปลุกสิ นี่เรื่องใหญ่นะ” ระหว่างคุย แต่ว่าเขาไม่ได้ทำตาม อย่างไรก็ตามข้อสำคัญคือสมเด็จฯ ฮุน เซนไม่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาล
นั่นหมายความว่าสิ่งที่นายทักษิณพูดบนเวที ที่บอกว่า ไม่ได้เป็นการเจรจากับผู้นำระหว่างประเทศ จะเป็นแนวทางในการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายแพทย์พรหมินทร์ กล่าวว่า จะเล่าข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้วจะเห็นเจตนา เพราะนายกรัฐมนตรีคำนึงถึงการคุยกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหม แม้กระทั่งการรับสายส่วนตัว นอกเวลาหลังจากกลับบ้านกันหมดแล้ว และอยู่กันคนละทิศทางซึ่งมีการต่อสายมาคุย ซึ่งปกติก็เคยคุยกันอยู่ และการต่อสายครั้งนั้น นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการรับปากอะไรเลย เพียงแต่บอกว่าจะไปหารือ แล้วตอนเช้าจะกลับมาคุยกัน แต่ปรากฏว่ามีคลิปเสียงและมีความคืบหน้าออกมาระหว่างที่มีการประชุมที่บ้านพิษณุโลก
‘ภูมิธรรม’ สั่ง ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ แจงให้ชัดไม่ดำเนินการปมที่ดินเขากระโดง
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีปัญหาทับซ้อนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า ตนได้ส่งจดหมายไปตั้งแต่วันพุธ หรือ วันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยให้นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน ชี้แจงภายในเวลา 7 วัน ว่าเหตุใดจึงเปลี่ยนแปลงคำสั่งของศาลปกครอง และศาลฎีกาหากภายใน 7 วันไม่มีความชัดเจน ตนก็จะเซ็นตั้งคณะกรรมการได้ทันที ซึ่งตนให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยพิจารณาดูว่า คณะกรรมการที่จะต้องประกอบด้วยใครบ้าง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ไม่แน่ใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคลางแคลงใจ และมีความไม่สบายใจ รวมถึงเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนจำนวนมาก เพราะฉะนั้นจึงได้เตรียมการ ที่ต้องการทำให้เรื่องนี้เกิดความชัดเจน ถ้าชัดเจนสังคมก็จะเกิดความสบายใจ ซึ่งต้องไปถามว่า เหตุผลใดจึงไม่ดำเนินการตามคำสั่งของศาลฯ โดยเฉพาะคำตัดสินของศาลปกครอง และศาลฎีกา
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จากกระทบต่อตำแหน่งของอธิบดีกรมที่ดินด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขึ้นอยู่ที่ปัญหา หากทำสิ่งที่ดีก็ได้ไม่มีผลกระทบ แต่หากไปทำอะไรนอกกรอบ หรือนอกความจำเป็น หรือไปเอื้อประโยชน์ต่อใครก็จะมีผลกระทบแน่นอน
เมื่อถามว่า จะถือโอกาสสางคดีที่ดินอัลไพน์ด้วยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะดำเนินการทุกคดีไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งจะดำเนินการทั้งสองคดี ยืนยันว่าอะไรที่คลางแคลงใจจะเคลียร์ให้หมดทุกประเด็น
เมื่อถามว่า การแบ่งงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้จะเจอรัฐมนตรีช่วยทั้ง 2 คน หากพูดคุยกันจบ ก็จะแบ่งงานกันแล้วเสร็จ แต่คร่าว ๆ ก็ดูกันล่วงหน้าแล้วว่า ใครจะกำกับ ดูแลกรม อะไรบ้าง โดยดูที่ความเหมาะสม และความสามารถ ซึ่งตนเป็นคนที่ไม่ค่อยหวงงาน ขณะที่กรมที่ดินตนจะไม่ดูแลเอง
“อนุทิน” ลั่น ที่ดินเขากระโดง ทำทุกอย่างตามกระบวนการ กม.
นายอนุทิน ชาญวีนกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความพยายามเช็คบิลกรณีที่ดินเขากระโดง ว่า ทุกคนเข้ามามีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัย อย่าให้เป็นการเช็คบิล เพราะถ้าเวลาเช็คบิล หากพวกตนกลับไปก็เช็คบิลได้ต่อ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไร ต้องดูว่าอะไรถูกอะไรผิด เรื่องที่ดินเขากระโดง
สมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมที่ดิน ข้าราชการกรมที่ดิน ก็ยืนยันมากันหมด ว่าได้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะสั่งการให้ออกมาเป็นบวกหรือเป็นลบ
รัฐมนตรีไม่มีอำนาจ ไม่มีช่องทางไหนให้เข้าไปได้เลย และที่พูด ๆ กันไปว่าจะเข้าไปตรวจสอบก็คงต้องไปตรวจศาล เพราะคำพิพากษาของศาลออกมาแล้ว ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดังนั้นที่บอกว่าจะมาเช็คบิลจะมาตรวจสอบ ส่วนใหญ่รัฐมนตรีที่เข้ามาใหม่ๆ ก็พูดแบบนี้ทั้งนั้น ถ้าทำแล้วไม่พบความผิดใดๆ ก็ขอให้รัฐมนตรีได้กรุณาออกมามีจิตใจเป็นนักกีฬา แจ้งให้พี่น้องประชาชนได้ทราบด้วยว่า ไม่พบการกระทำที่ผิดใดๆ
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ให้เข้ามาตรวจสอบได้เลย เพราะตนมั่นใจว่าสมัยที่อยู่ ทำทุกอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ตามกฏหมาย และตามระเบียบ และเขากระโดงก็เดินหน้าตรวจสอบทุกอย่าง ถ้าผิดลุยเลย มีหนังสือมีจดหมาย ที่ได้ออกไป กรณีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ก็เหมือนกัน โครงการต่าง ๆ เหมือนกันหมด อะไรที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย ตนได้ทำทุกอย่างโดยที่ไม่ได้ใช้อำนาจทางการเมืองเข้าไป ไม่เคยกลั่นแกล้งข้าราชการ ไม่เคยย้ายข้าราชการ ตอนที่เข้ามาคนที่ได้ดิบได้ดีในยุคนี้ ตอนนั้นก็ไม่ได้ถูกกลั่นแกล้งเก็บไปดองที่ไหน ตรงนี้พี่น้องประชาชนคงเห็นแล้วว่า การทำงาน ถ้าจะบอกว่ามีความเป็นมืออาชีพมือ มีความยุติธรรม มีคุณธรรม อันนี้ตนมั่นใจว่าตนมีมากกว่า
“นครินทร์” ปฏิเสธนิติสงคราม ชี้ศาลรธน.มีอำนาจตามกฎหมาย
วันนี้ ( 14 ก.ค.) นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนถึงผลการปฏิบัติงานของศาลรัฐธรรมนูญตลอดปีที่ผ่านมา โดยระบุว่า จะเรียกว่าเราเป็นศาลการเมืองก็ไม่ถูก เราเป็นศาลรัฐธรรมนูญที่จะรับคดีรัฐธรรมนูญเท่านั้น อยากให้ผู้สื่อข่าวและประชาชนทำความเข้าใจว่าคดีรัฐธรรมนูญคือเรื่องข้อพิพาท ทะเลาะเบาะแว้ง ที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญบัญญัติ
นายนครินทร์ อธิบายว่า คดีดังกล่าวมีที่มาจากหลายทาง กว่าครึ่งหนึ่งคดีที่มาจากศาลด้วยกันเองที่มองว่ามีข้อกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เช่น ศาลปกครอง ศาลอาญา เป็นต้น ซึ่งมองว่าผู้สื่อข่าวไม่ค่อยให้ความสนใจ และยังมีคดีอีกประเภทที่เพิ่มขึ้นมารัฐธรรมนูญ ปี 2560 คือคดีที่ประชาชนสามารถมาร้องทุกข์เองได้ ซึ่งนานทีจะมีมา สัปดาห์ละ 3-4 คดี
“อีกประเภทคือคดีที่มาจากองค์กรอิสระด้วยกัน เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน และคดีที่มาจากสมาชิกรัฐสภา คือคดีที่ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เราต้องรับคดีที่ประชาชนทั่วไปจะเรียกว่า คดีการเมือง แต่ส่วนตัวขอเรียกว่า คดีรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” นายนครินทร์ กล่าว
สำหรับข้อเสนอว่าควรมีโฆษกศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายนครินทร์ กล่าวว่า ก็พยายามปรับตัว หน้าที่โฆษกก็ได้มอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แต่เผอิญว่าช่วงนี้ล้มป่วย และมีรองเลขาธิการฯ รักษาการอยู่ อย่างไรก็ตามเลขาธิการหรือรองเลขาธิการฯอยู่ แต่ความสามารถด้านการสื่อสารกับสื่อมวลชนอาจจะยังน้อยไปสักนิดหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม นายนครินทร์ ยืนยันว่า ตนเองในฐานะประธาน หรือแม้แต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเอง ก็ไม่ควรเป็นโฆษกศาลด้วยตนเอง ที่มาแถลงข่าวนี้ก็เพราะเป็นภารกิจที่ปีละครั้งที่ได้พบสื่อมวลชน แต่ต้องขอความระมัดระวัง ว่าประธานหรือตุลาการไม่ควรแถลงข่าวด้วยตนเอง ควรจะมีโฆษกแยกไปต่างหาก
ส่วนข้อเสนอให้มีการปฏิรูปศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายนครินทร์ กล่าวว่า การปฏิรูปศาลที่สำคัญต้องทำจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ศาลเราปฏิรูปตัวเองไม่ได้ และอีกส่วนอาจจะเป็นการปรับปรุงเล็กน้อยที่กระทำโดยองค์กรของศาลเอง ที่จะมอบหมายให้มีผู้ปฏิบัติหน้าที่ ยกตัวอย่างเรื่องเอกสารข่าว หรือ Press Release ของศาล ถ้าติดตามจะเห็นว่า ปัจจุบันละเอียดขึ้นมาก มีการระบุว่าตุลาการเสียงข้างน้อยหรือเสียงข้างมากเป็นใคร ทุกอย่างชัดเจนเปิดเผย
“เราจะพยายามทำให้ละเอียด แต่ต้องบอกก่อนว่า ในคณะตุลาการก็มีที่มาจากสายศาล เช่น ศาลฎีกา ศาลปกครอง หลายท่านก็บอกว่า การทำเอกสารข่าวขนาดยาวมากไม่ใช่ขนบธรรมเนียมของศาล ซึ่งก็เป็นข้อขัดข้อง ในขณะที่สายที่มาจากอาจารย์มหาวิทยาลัย ก็คิดว่าเพื่อประโยชน์ทางวิชาการ ก็จะให้ข้อมูลทางกฎหมายมากขึ้น” นายนครินทร์ กล่าว