เกาะติดสถานการณ์เหตุปะทะไทย-กัมพูชา 1 ส.ค. 68 จับตาไทยพาทูตทหารลงพื้นที่ชายแดน
เมื่อคืนไม่มีเหตุรุนแรง
วันที่ 1 ส.ค. 68 เวลา 07.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เมื่อเที่ยงคืนที่ผ่านมาจนถึงเช้านี้ ยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
โดยสถานการณ์ใน 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นปกติ
นายจิรายุยังยืนยันว่า ไทยปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรม เตรียมส่งคืนทหารกัมพูชา 2 นายที่ได้รับบาดเจ็บ และในวันนี้จะมีการพาทูตทหารลงพื้นที่ชายแดน
เตรียมส่งตัวทหารกัมพูชา
นายจิรายุยังเปิดเผยว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจตระเวนชายแดน และกองทัพภาคที่ 2 เตรียมส่งทหารกัมพูชาที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย กลับคืนสู่แผ่นดินกัมพูชา วันนี้ เวลา 10.30 น. ที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
ส่วนทหารกัมพูชาอีก 18 นาย ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ และจะดำเนินการนัดหมายการส่งตัวกลับประเทศกัมพูชาอีกครั้ง
ทั้งนี้ ทหารกัมพูชาดังกล่าวเป็นทหารกัมพูชาที่รุกล้ำอธิปไตยของไทยในพื้นที่ช่องซำแต อ.กันทรลักษ์ จ. ศรีสะเกษ จำนวน 20 นาย ซึ่งไทยได้ควบคุมตัวไว้ โดยให้การดูแลตามหลักสากลและหลักมนุษยธรรม และจะ ส่งตัวทหารกัมพูชาที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 นาย เข้ารับการรักษา และดำเนินการส่งตัวกลับตามหลักสิทธิมนุษยชน
“รัฐบาลยืนยันการดำเนินการตามสิทธิอันชอบธรรมในการตอบโต้และรักษาอธิปไตยของไทย ซึ่งทหารกัมพูชาเหล่านี้ รุกล้ำเข้ามา ในพื้นแผ่นดินไทย โดย กองทัพได้ควบคุมตัวและให้การดูแลที่จำเป็นตามหลักสากลและหลักมนุษยธรรม ไม่ใช่เป็นการลักพาตัวทหารกัมพูชา ตามที่กัมพูชาปล่อยข่าวบิดเบือน ทั้งนี้ขอเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาเลิกโกหกรายวัน” นายจิรายุกล่าว
คณะทูต-ผู้ช่วยทูตทหารออกเดินทาง
08.40 น. กองทัพบกนำเอกอัครราชทูต-อุปทูต-ผู้แทน รวม 11 ประเทศ และผู้ช่วยทูตทหาร 23 ประเทศ ออกเดินทางจากกรุงเทพ เพื่อลงพื้นที่พิสูจน์ ทหารกัมพูชายิงพลเรือน โจมตีโรงเรียน-โรงพยาบาล-ปั๊มน้ำมัน-ร้านสะดวกซื้อ
โดยคณะผู้แทนจะสังเกตการณ์พื้นที่พลเรือน โรงพยาบาล ที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชา
จากนั้นจะเดินทางไปพื้นที่ทหารกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการนำมัน ปตท.บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งทำให้ประชาชนคนไทยเสียชีวิต 8 คน หนึ่งในนั้นเป็นเด็กอายุ 7-8 ปี บาดเจ็บจำนวน 10 คน
และจะเดินทางต่อไปยังโรงเรียนใน ต.เสาธงชัย ที่ได้รับความเสียหาย และเดินทางไปยัง รพ.สต.บ้านชำเม็ง ต.เสาธงชัย สังเกตการณ์พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ก่อนจะเดินทางต่อไปยังศูนย์พักพิง
อ่านต่อ: กองทัพบกพาคณะทูต-ทูตทหาร ลงพื้นที่จริงจุดทหารกัมพูชายิงใส่พลเรือน
ไทยส่งตัวทหารกัมพูชา 2 นายกลับประเทศแล้ว
เมื่อเวลา 10.52 น. โดยหนึ่งในนั้นเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ และอีกหนึ่งนายมีอาการทางจิตเวช คาดว่าเกิดจากความเครียดสะสมในช่วงสถานการณ์ชายแดนตึงเครียด โดยในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยได้จัดรถวีลแชร์ให้ใช้นั่งเคลื่อนย้าย และได้นำรถวีลแชร์กลับคืนหลังจากส่งตัวเสร็จสิ้น
ทหารรายแรกคือ สิบเอก มอม ริทรี ได้รับบาดเจ็บแขนหักและมีบาดแผลลึกบริเวณสะโพกด้านขวา หลังจากถูกควบคุมตัวฝ่ายไทยได้ดำเนินการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ก่อนส่งตัวกลับประเทศ โดยในวันส่งตัว เจ้าหน้าที่ได้จัดรถวีลแชร์อำนวยความสะดวก และนำกลับคืนหลังเสร็จภารกิจ
ส่วนอีกรายคือ ว่าที่ ร้อยตรี อาง เอื้อง ซึ่งมีอาการผิดปกติทางจิตจากภาวะเครียดสะสม จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ พบว่าเจ้าตัวมีความเสี่ยงหากไม่ได้รับการดูแลจากครอบครัว โดยก่อนส่งกลับ ฝ่ายไทยได้ดูแลและฟื้นฟูอาการในเบื้องต้นจนสามารถช่วยเหลือตัวเองได้
บรรยากาศที่จุดผ่านแดนช่องจอมในช่วงการส่งตัวเต็มไปด้วยสื่อมวลชนทั้งจากไทยและต่างประเทศ รวมถึงผู้สื่อข่าวจากกัมพูชาที่มารายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยไม่พบเหตุการณ์ความไม่สงบใด ๆ ซึ่งทางฝั่งทหารไทยได้มีการส่งมอบเอกสารทางการแพทย์ของทหารทั้ง 2 นายของกัมพูชา การดำเนินการส่งตัวครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อคลี่คลายสถานการณ์อย่างสันติ
อย่างไรก็ตามทหารกัมพูชาที่เหลืออีก 18 นายยังไม่สามารถส่งตัวกลับได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างกระบวนการซักถามของฝ่ายไทย ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ หากดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จะมีการนัดหมายเพื่อส่งตัวคืนประเทศต่อไป
โฆษกกลาโหมกัมพูชาเผย ทหารกัมพูชาในไทยปลอดภัย
วันที่ 1 ส.ค. 68 พลโท มาลี โสเชียตา ปลัดกระทรวงกลาโหมและโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงข่าวยืนยันว่า ทหารกัมพูชา 20 นาย ซึ่งขณะนี้ถูกควบคุมตัวโดยไทย ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. 2568 ได้รับรายงานว่าปลอดภัยและไม่ได้รับอันตรายจากกองทัพไทย
พลโท มาลี โสเชียตา ยังได้ยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาในการเจรจากับฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีการปล่อยตัวทหาร
“เราได้ร้องขออย่างเป็นทางการให้มาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนและผู้ประสานงานหลักของข้อตกลงหยุดยิง ทำหน้าที่เป็นคนกลาง และเราขอเรียกร้องให้ทางการไทยเร่งดำเนินการส่งทหารของเรากลับประเทศ” เธอกล่าว
โฆษกย้ำว่า กระทรวงกลาโหมและกองทัพกัมพูชา (RCAF) ยังคงยึดมั่นในพันธสัญญาที่จะไม่ทิ้งทหารไว้ข้างหลัง ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม
อ่านต่อ: “มาลี โสเจียตา” ยืนยัน ทหารกัมพูชาในไทยปลอดภัยดี-ไม่มีอันตราย
ทอ.โต้ข่าวสวีเดนระงับการขาย Gripen ให้ไทย
จากกรณีสำนักข่าวพนมเปญโพสต์ของกัมพูชาและ Defense Security Asia ของมาเลเซีย รายงานว่า นางมาเรีย มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสวีเดน ได้ปฏิเสธคำขอของประเทศไทยที่จะขอซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนเพิ่มเติม หลังจากที่กองทัพอากาศไทยเป็นชาติแรกที่ใช้เครื่องบินขับไล่กริพเพนในการสู้รบจริง ระหว่างการปะทะกับกองทัพกัมพูชา
ล่าสุดกองทัพอากาศ ยืนยันว่าข่าวดังกล่าว เป็น “ข่าวบิดเบือนความจริง”
อ่านต่อ: ทอ.โต้ข่าวบิดเบือนสื่อเขมร-สื่อมาเลย์ ปมสวีเดนระงับการขาย Gripen ให้ไทย!
กองทัพบก ชี้แจงเอกอัครราชทูต-ทูตทหาร
เวลา 10.40 น. ณ มทบ.22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี กองทัพบก นำโดย พลโท อานุภาพ ศิริมณฑล รองเสนาธิการทหารบก (Lieutenant General Anuparp Sirimonthon) เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายกองทัพบก และนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (H.E. Mr. Russ Jalichandra, Vice Minister for Foreign Affairs) เป็นผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมคณะฯ ได้นำเอกอัครราชทูตและอุปทูตจาก 11 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน บรูไน ญี่ปุ่น เมียนมา มาเลเซีย ลาว อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์
รวมทั้งคณะทูตทหารจาก 23 ประเทศ ได้แก่ จีน มาเลเซีย ปากีสถาน เกาหลีใต้ รัสเซีย สิงคโปร์ เยอรมนี อินเดีย ลาว แคนาดา ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เวียดนาม อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อินโดนีเซีย สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ บรูไน ตุรกี และสหราชอาณาจักร
รวมถึงสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 150 คน ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปเหตุการณ์ ตรวจสอบ และสังเกตการณ์ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพลเรือนไทยจากการใช้อาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชา อันเป็นผลมาจากเหตุการณ์ตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชา ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักกฎหมายสากลและหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
สรุปคำบรรยายฝ่ายไทย
สรุปคำบรรยายอย่างเป็นทางการของฝ่ายไทย ชี้แจงสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันศุกร์ที่ 1 ส.ค. 68 โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าว ดังนี้
- รัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
- พ.อ. พัฒนา พันธุ์มงคล : กรมข่าวทหารบก
- พล.ต. วินทัย สุวารี : โฆษกกองทัพบก
- พล.ต. นรธิป โพยนอก : รองแม่ทัพภาคที่ 2
เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ตลอดจนแสดงบทบาทของกองทัพไทยในการรักษาอธิปไตยและดำเนินการอย่างสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และเน้นย้ำความตั้งใจของไทยในการแก้ปัญหาโดยสันติวิธีและผ่านกลไกทวิภาคี
อ่านต่อ: คำบรรยายฝั่งไทยแจงทูตทหารต่างชาติ ชี้กัมพูชาเริ่มใช้กำลัง-บิดเบือนข้อมูล
ลูกเจ้าของปั๊มเล่านาทีระทึก ช่วงจรวด BM-21 กัมพูชาถล่มร้านสะดวกซื้อ
วันนี้ที่สถานีบริการนำมันแห่งหนึ่งที่ได้รับความเสียหาย ที่จ.ศรีสะเกษ ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก (ศปส.ทบ.) นำคณะเอกอัครราชทูต อุปทูต ผู้แทน รวม 11 ประเทศ และผู้ช่วยทูตทหาร 23 ประเทศ สื่อมวลชน ร่วมกว่า 200 ชีวิต ดูความเสียหายจากเหตุทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ทำให้ประชาชนคนไทยเสียชีวิต 8 คน หนึ่งในนั้นเป็นเด็กอายุ 7-8 ปี บาดเจ็บจำนวน 10 คน
โดยในระหว่างลงพื้นที่ ลูกสาวเจ้าของปั๊มน้ำมันแห่งนี้ ได้เขียนจดหมายเพื่อบอกเล่าความรู้สึกและเล่าเหตุการณ์ขณะที่เกิดเหตุ ให้แก่คณะทูตและสื่อมวลชนฟัง มีใจความโดยสังเขปว่า
"ฉันเป็นลูกสาวเจ้าของปั๊มน้ำมันแห่งนี้ และได้อยู่ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ลูกระเบิดตกลงมาในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งขณะนั้น ฉันอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากร้าน ประมาณ 20 เมตร และกำลังนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์กับพนักงานคนอื่น ๆ ทั้งสะเก็ดระเบิดและแรงระเบิด ปลิวมาถึงร้านที่ฉันนั่งอยู่"
อ่านต่อ: ลูกเจ้าของปั๊มเล่านาทีระทึก ช่วงจรวด BM-21 กัมพูชาถล่มร้านสะดวกซื้อ
ยอมรับข้อเสนอประชุม GBC ที่มาเลเซีย
วันที่ 31 ส.ค. 68 เวลา 23.50 น. กระทรวงกลาโหมกัมพูชาเผยแพร่จดหมายที่ส่งถึง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย โดยมีเนื้อความเห็นชอบ ย้ายสถานที่จัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไปยังประเทศมาลเซีย ตามที่ไทยเสนอ
จดหมายดังกล่าวลงนามโดย พลเอก เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา
จดหมายระบุว่า “เพื่อเป็นการตอบสนองต่อจดหมายของท่านลงวันที่ 31 ก.ค. 2568 เกี่ยวกับข้อเสนอในการจัดประชุมพิเศษของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ณ สถานที่เป็นกลาง คือ ประเทศมาเลเซีย และการประชุมจะจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 4-7 ส.ค. 2568 ในเรื่องนี้ ข้าพเจ้ามีความยินดีที่จะเป็นผู้นำคณะผู้แทนเจ้าหน้าที่อาวุโสเข้าร่วมการประชุมที่กล่าวถึงข้างต้นตามข้อเสนอของท่าน”
“ด้วยเหตุที่ว่า มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีน มีบทบาทสำคัญในการไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทยเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2568 ณ เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอเสนอให้ตัวแทนจากทั้งสามประเทศข้างต้นเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ในการประชุมพิเศษครั้งต่อไปของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป”
“ในโอกาสนี้ ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อมาเลเซีย ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนและประธานคณะผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญนี้”
“ข้าพเจ้าหวังว่าจะมีโอกาสได้พบกับท่านและร่วมสนทนาอย่างสร้างสรรค์เพื่อหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทภ.2 เบรกส่งตัว 18 ทหารเขมรกลับ เหตุยังซักถามไม่เสร็จ เตรียมส่งไปก่อน 2 นาย
23 ประเทศ ร่วมลงพื้นที่สังเกตการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 1 ส.ค. นี้
"อนาลโย" ชวนจับตา PHL-03 กัมพูชาอาจเตรียมใช้รบใหญ่รอบ 2 เร็ว ๆ นี้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เกาะติดสถานการณ์เหตุปะทะไทย-กัมพูชา 1 ส.ค. 68 จับตาไทยพาทูตทหารลงพื้นที่ชายแดน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com