หุ้นอินเดีย จุดสูงสุด หยุดชั่วคราว หรือพร้อมพุ่งทะยาน?
ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2025 ตลาดหุ้นอินเดียเผชิญกับความผันผวนรุนแรง Dowturn และการฟื้นตัวสลับกัน โดยดัชนี MSCI India เพิ่มขึ้นเพียง 5.7% เทียบกับ MSCI Asia-Pacific ที่เพิ่มขึ้นกว่า 12%
ทำให้หลายคนไม่ค่อยเชื่อมั่นในอินเดียนัก และมองว่าหุ้นหลายตัวมีมูลค่าสูงเกินจริง กำไรก็อาจโตไม่แรงเท่าเดิม แต่เมื่อเวลาผ่านไป ตลาดหุ้นอินเดียกลับแกว่งตัวแรงจากความไม่แน่นอน ทั้งข่าวดีจากสงครามการค้า การเทขายกะทันหัน ไปจนถึงการฟื้นตัวเป็นระยะ
เสียงจากนักวิเคราะห์ อินเดียยังน่าลงทุนไหม?
Pramod Gubbi จาก Marcellus Investment Managers มองว่า “ตลาดอินเดียเคยขึ้นจุดสูงสุดเมื่อกันยายนปีที่แล้ว แล้วปรับฐานช่วงต้นปี ก่อนจะเด้งกลับมาอีกครั้ง แต่ถ้ามองกำไรบริษัทแบบไตรมาสต่อไตรมาส จะยังเห็นการชะลอตัวอยู่” แปลว่าภาพรวมตลาดอาจจะยังไม่แน่นอนเท่าไร
ด้าน Vivek Subramanyam จาก TH Global Capital มองว่าหุ้นอินเดียเริ่มแพงเกินไป โดยดัชนี Nifty 50 ซื้อขายที่ระดับพรีเมียมกว่า 60% เมื่อเทียบกับ Hang Seng และสูงกว่าตลาดเกิดใหม่ในเอเชียถึง 70% เลยทีเดียว เขาแนะว่าตลาดอื่นอย่างไต้หวัน หรือกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่ไม่นับจีน อาจมีศักยภาพเติบโตได้ดีกว่าในระยะสั้น
แต่ก็ใช่ว่าจะหมดหวังกับอินเดียเสียทีเดียว เพราะ Subramanyam เองก็ยังเชื่อว่าอินเดียจะมีกำไรเติบโตต่อเนื่องปีหน้า แถมยังมองว่าครึ่งปีหลังตลาดอินเดียน่าจะขยับขึ้นได้อีกราว 9–10% โดยเฉพาะถ้าข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ สำเร็จจริง
เลือกหุ้นแบบไหนในตลาดอินเดีย?
กลยุทธ์ของเหล่ากูรูดูจะตรงกันคือ “ไม่ต้องรีบ แต่ต้องเลือกให้แม่น” โดย Subramanyam จาก TH Global แนะนำหุ้นที่มีรายได้ประจำ เช่น กลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพราะยังไงคนก็ยังต้องการบ้านอยู่เสมอ
ด้านGubbi จาก Marcellus เสริมว่า ให้เน้นบริษัทที่มีงบดุลแข็งแรง เงินสดเยอะ และพร้อมลงทุนเพื่อการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยและพัฒนา (R&D) หรือการเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กร และเขายังมองว่า ณ ตอนนี้ หุ้นขนาดใหญ่ดูมีมูลค่าที่น่าสนใจกว่าหุ้นขนาดเล็ก ซึ่งร้อนแรงจากเม็ดเงินกองทุนภายในประเทศ
อินเดียยังน่าสนใจในระยะยาว
แม้วันนี้ราคาหุ้นอินเดียจะดูสูง แต่ผู้เชี่ยวชาญยังเชื่อว่า อินเดียคือเป้าหมายระยะยาวของนักลงทุน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ
Kevin Carter จาก EMQQ Global มองว่า “อินเดียมีประชากรมากที่สุด โตเร็วที่สุด และยังมีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแข็งแรงพอจะต่อยอดเศรษฐกิจสมัยใหม่”
เขาแนะนำให้โฟกัสที่บริษัทเทคโนโลยี เช่น Zomato, Ixigo หรือ Info Edge ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโต และมีแนวโน้มจะได้อานิสงส์จากการที่คนอินเดียมีรายได้เพิ่มขึ้นในอีก 10–20 ปีข้างหน้า
มุมมองตลาดหุ้นอินเดียโดย Finnomena Funds
ภาพรวมระยะยาวของอินเดียยังคงแข็งแกร่งกว่าตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ด้วยแรงหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐที่ยังคงขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางอินเดีย ทั้งภาคการผลิตและบริการยังขยายตัวได้ดีและสูงกว่าหลายประเทศ
นอกจากนี้ การเติบโตของสินเชื่อธนาคาร แม้จะชะลอตัวไปบ้าง แต่ก็เริ่มฟื้นตัวแล้ว หลังธนาคารกลางอินเดียปรับลดดอกเบี้ยลง 0.50%
แม้ Valuation ของตลาดหุ้นอินเดียในตอนนี้จะดูแพงขึ้น แต่ปัจจัยขับเคลื่อนหลักยังคงหนุนด้วย แนวโน้มการเติบโตของกำไรบริษัท
ด้วยเหตุนี้ Finnomena Funds จึงปรับมุมมองตลาดหุ้นอินเดียจากPositive เป็น Slightly Positive เพื่อสะท้อนถึงราคาตลาดที่ปรับตัวขึ้นมาสูงแล้ว อย่างไรก็ตาม อินเดียยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจในระยะยาว
เราแนะนำทยอยสะสมกองทุน B-BHARATA และ TISCOINA-A สำหรับเป้าหมายการลงทุนระยะยาว จากปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจ ประมาณการกำไรของตลาดหุ้นที่แข็งแกร่ง และมีสัญญาณเชิงบวกทางเทคนิค
- B-BHARATA เป็นกองทุนรวมหุ้นอินเดีย ที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศอินเดีย และมีน้ำหนักการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ
- TISCOINA-Aเป็นกองทุนรวมหุ้นอินเดีย ซึ่งเน้นกลยุทธ์การลงทุนแบบ Active Management และคัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom-up โดยลงทุนผ่าน 3 กองทุนหลักในสัดส่วนใกล้เคียงกัน
อ้างอิง: CNBC, Finnomena Live
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FinnomenaPort | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299