‘เราพบใครข้างกายในวันนี้’ ปีที่ 39 ของแพทองธาร ในวันไต่สวน ใครปรากฏตัวบ้าง
นอกจากวันนี้ (21 สิงหาคม) จะเป็นวันเกิดครบรอบ 39 ปี ของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แล้ว ยังเป็นวันเริ่มต้นการพิพากษาคดีของเธอในศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจเป็นการชี้ชะตาอนาคตในเส้นทางการเมืองของเธอด้วย
ตลอดการไต่สวนพยานบุคคล 2 ปาก ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงครึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญสั่งงดถ่ายทอดการไต่สวนซักพยานบุคคลทั้งหมด และได้เน้นย้ำห้ามไม่ให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนของศาลในวันนี้นำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน
ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา
ความคืบหน้าของคดีที่คณะสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยื่นคำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรีในปมคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา จึงไม่ปรากฏความคืบหน้าที่ก้าวกระโดด นอกเสียจากศาลได้สั่งให้เลื่อนวันแถลงปิดคดีของคู่กรณีขึ้นมาเร็วขึ้น จากวันที่ 27 สิงหาคม มาเป็นวันที่ 25 สิงหาคม ส่วนวันอ่านคำวินิจฉัยยังเป็นวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น. เป็นต้นไปเช่นเดิม
เวลาประมาณ 9.30 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงศาลรัฐธรรมนูญในชุดสีดำ บุคคลข้างกายในฝ่ายการเมืองที่ปรากฏ พบเพียง หมอมิ้ง-นพ. พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดชเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนบรรดา สส. เพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาลแจ้งแล้วว่า ไม่สามารถไปให้กำลังใจได้ เนื่องจากต้องอยู่รักษาองค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ปริ่มน้ำ
ด้านบุคคลใกล้ชิดในครอบครัวตามมาสมทบ ทั้ง ปอ-ปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส และ เอม-พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว ซึ่งเมื่อวานทั้งครอบครัวร่วมทำบุญ ได้รับพระวโรกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในวันคล้ายวันเกิด 39 ปี ของแพทองธาร พร้อมโพสต์ข้อความให้กำลังใจน้องสาวบนอินสตาแกรมส่วนตัว
“พี่เชื่อมั่นว่า เจตนาที่บริสุทธิ์ และความเสียสละของน้องจะเป็นบุญอันใหญ่หลวงที่ปกป้องให้น้องผ่านทุกอุปสรรคไปได้ด้วยดี”
ขณะที่คณะทำงานที่อยู่ใกล้ชิดข้างกายนายกรัฐมนตรี คณาพจน์ โจทฤทธิ์ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันทั่วไปว่าเป็นเพื่อนสนิทของแพทองธารมายาวนาน รวมถึงทีมสื่อสาร คอยประสานรับมือกับสื่อมวลชนภาคสนาม อย่าง สุทิษา ประทุมกุล และ วิม รุ่งวัฒนจินดา ที่ทำหน้าที่มาตั้งแต่สมัย เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี
ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา
ภาพประวัติศาสตร์ที่สื่อมวลชนบันทึกผ่านหน้าจอโทรทัศน์จากนอกห้องพิจารณาคดี หากมองอย่างละเอียดจะเห็นบุคคลสำคัญที่น่าสนใจเข้าร่วมรับฟังการไต่สวนในฐานะผู้สังเกตการณ์ด้วยไม่น้อย กล่าวได้ว่าห้องพิจารณาคดีแน่นขนัดด้วยผู้คน
เช่น พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.), รณกรณ์ บุญมีอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, เมฆินทร์ เพ็ชรพลายอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอยซ์ทีวี จำกัด และ ภาสกร บุญญลักษม์ อดีตอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่ล่าสุดมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นต้น
ฟากฝ่ายผู้ร้อง หรือ สว. ที่รวมชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ มีตัวแทนจากสภาสูง 2 คน เข้าร่วมรับฟังการไต่สวน ประกอบ พล.อ. สวัสดิ์ ทัศนา และ พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ แสงเพชร ซึ่งเป็นโต้โผของกลุ่ม ‘สว. สีน้ำเงิน’ และมีผลงานยื่นร้องทั้งนายกรัฐมนตรี ตลอดจนยื่นถอดถอน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สืบเนื่องจากข้อกล่าวหาแทรกแซงคดีฮั้ว สว. ซึ่งอยู่ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญเช่นกัน
ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา
แต่ที่น่าสนใจคือ ทนายความของฝั่งผู้ถูกร้องซึ่งเข้าร่วมรับฟังการไต่สวนด้วย ปรากฏ ชนินทร์ แก่นหิรัญ ที่นอกจากกรณีนี้ เขายังเป็นตัวแทนกลุ่มประชาชนจังหวัดบุรีรัมย์ผู้ได้รับผลกระทบ ในพื้นที่เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ รวมถึงเป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ กรณี ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าตรวจสอบที่ดิน
นอกจากนี้ ยังมี ตฤณ แก่นหิรัญทนายความผู้เคยชี้แจงคดีการยื่นบัญชีทรัพย์สินของ ศักดิ์สยาม ชิดชอบอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรักชัน ที่มีหนี้ 38 ล้านบาท
นอกจากนี้ อดีต สว. ชุดเฉพาะกาลที่หมดวาระไป ทั้ง สมชาย แสวงการ และ ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ก็ได้ยื่นเอกสารขออนุญาตเข้าร่วมรับฟังการไต่สวนด้วย ซึ่ง สว. ชุดที่แล้วเองก็มีผลงานก่อนหมดวาระ คือการยื่นศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนเศรษฐาพ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี จากกรณีแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ภาพที่ประจักษ์ในห้องพิจารณาคดีและศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมฟ้องให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ทางการเมือง ที่หนีไม่พ้นถูกนำมาจัดวางด้วย ‘สี’ ต่างๆ ในห้วงที่อำนาจตุลาการกำลังผลักดันคดีความที่เปรียบเสมือนระเบิดเวลา การเมืองในสภาฯ ก็ห้ำหั่นคู่ขนานกันไป
ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร
ในวันเดียวกันนี้ที่รัฐสภา แกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นำโดย จตุพร พรหมพันธุ์, แก้วสรร อติโพธิ, พิชิต ไชยมงคล, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ และ นพ. วรงค์ เดชกิจวิกรม พามวลชนมาชุมนุมกันที่ลานประชาชน เพื่อเรียกร้องให้สภาฯ พิจารณายกเลิก MOU 43 และ MOU 44 เนื่องจากทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนและข้อพิพาทกับประเทศกัมพูชา
สส. พรรคร่วมฝ่ายค้านเองก็ร่วมโหมโรงแรง ทั้งฝ่ายพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ที่ส่งตัวแทนเข้ารับหนังสือ พร้อมทำข้อตกลงระหว่างวิปทั้ง 2 ฝ่าย ว่าในการประชุมสภาฯ วันนี้ ภายหลังจบวาระรับทราบรายงานของหน่วยงานแล้ว จะเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาการยกเลิก MOU 43 และ MOU 44
แต่สถานการณ์ก็ไม่เป็นไปตามนั้น เมื่อช่วงบ่าย ไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 จากพรรคเพื่อไทย ได้สั่งปิดประชุมทันทีหลังจบการพิจารณาของหน่วยงาน ก่อนที่ สส. พรรคภูมิใจไทย จะมีโอกาสเสนอญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุม
ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงดำเนินอยู่วันต่อวัน แต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมเป็นห่วงโซ่ที่สร้างผลกระทบ และผันแปรได้ทุกเมื่อ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องติดตามและพิจารณาด้วยความถี่ถ้วน และมองเห็นองค์ประกอบต่างๆ ซึ่งโยงใยเข้าหากัน
ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร