เกาหลีเหนือตั้งฐานขีปนาวุธที่ยังไม่เคยเปิดเผย ใกล้ชายแดนจีน
เกาหลีเหนือได้สร้างฐานทัพลับใกล้ชายแดนจีน ซึ่งอาจเป็นที่เก็บขีปนาวุธพิสัยไกลรุ่นใหม่ล่าสุด
คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ (กลาง) กำลังสนทนากับผู้บัญชาการหลักของหน่วยปฏิบัติการต่างประเทศของกองทัพประชาชนเกาหลีที่เข้าร่วมสงครามร่วมกับรัสเซีย ณ สำนักงานใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคแรงงานเกาหลีในกรุงเปียงยาง เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม (Photo by KCNA VIA KNS / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 กล่าวว่า ศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษานานาชาติ (CSIS) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุในรายงานที่เผยแพร่ล่าสุดว่า เกาหลีเหนือมีฐานปฏิบัติการขีปนาวุธที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนชื่อ "ซินพุงดง" ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนจีนประมาณ 27 กิโลเมตร
รายงานระบุว่า ฐานปฏิบัติการขีปนาวุธในจังหวัดพยองอันเหนือน่าจะมีขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ที่สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้ 6-9 ลูก พร้อมแท่นยิง
เกาหลีเหนือได้สร้างฐานทัพลับใกล้ชายแดนจีน ซึ่งอาจเป็นที่เก็บขีปนาวุธพิสัยไกลรุ่นใหม่ล่าสุดของประเทศ จากงานวิจัยล่าสุด
รายงานระบุว่าอาวุธเหล่านี้ "อาจเป็นภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ต่อเอเชียตะวันออกและสหรัฐอเมริกา"
ท้งนี้ เกาหลีเหนือได้ยกระดับโครงการอาวุธนิวเคลียร์นับตั้งแต่การประชุมสุดยอดกับสหรัฐอเมริกาที่ล้มเหลวในปี 2019 และเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้นำคิมจองอึน ได้เรียกร้องให้ขยายขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ของประเทศที่ถูกโดดเดี่ยวทางการทูตแห่งนี้อย่างรวดเร็ว
รายงาน ซึ่ง CSIS เรียกว่าเป็นการยืนยันเชิงลึกแบบโอเพนซอร์สครั้งแรกของฐานทัพซินพุงดง ระบุว่าฐานทัพแห่งนี้เป็นหนึ่งในฐานทัพขีปนาวุธ 15-20 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยฐานซ่อมบำรุง, ฐานสนับสนุน, ฐานเก็บขีปนาวุธ และฐานเก็บหัวรบ ซึ่งเกาหลีเหนือไม่เคยประกาศการมีอยู่
รายงานระบุว่า ฐานทัพแห่งนี้ไม่เคยเป็นเป้าหมายในการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ใดๆ ระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือมาก่อน
CSIS อ้างอิงการประเมินของนักวิเคราะห์ในปัจจุบัน ระบุว่าแท่นยิงและขีปนาวุธอาจออกจากฐานทัพได้ในยามวิกฤตหรือสงคราม, เชื่อมต่อกับหน่วยพิเศษ และดำเนินการยิงที่ตรวจจับได้ยากจากส่วนอื่นๆ ของประเทศ
ฐานทัพแห่งนี้และฐานทัพอื่นๆ อาจเป็นองค์ประกอบหลักของกลยุทธ์ขีปนาวุธที่คาดว่าจะพัฒนาต่อไปของเกาหลีเหนือ และขีดความสามารถในการยับยั้งและโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในระดับยุทธศาสตร์ที่กำลังขยายตัว
การประชุมสุดยอดระหว่างคิมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ในปี 2019 ล้มเหลวลง เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับสิ่งที่รัฐบาลเปียงยางจะยอมรับเพื่อแลกกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร
นับแต่นั้นมา เกาหลีเหนือได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะไม่ยอมสละอาวุธ และประกาศตนเป็นรัฐนิวเคลียร์ที่ไม่สามารถย้อนกลับได้
และหลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย รัฐบาลเปียงยางก็ได้เข้าใกล้มอสโกมากขึ้น
หน่วยข่าวกรองของเกาหลีใต้และชาติตะวันตกระบุว่าเกาหลีเหนือส่งทหารกว่า 10,000 นายไปยังรัสเซียในปี 2024 โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังภูมิภาคเคิร์สก์ พร้อมด้วยกระสุนปืนใหญ่, ขีปนาวุธ และระบบจรวดพิสัยไกล
ขณะที่ทรัมป์ได้หารือกับผู้นำรัสเซียและยูเครนอย่างเป็นเอกฉันท์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อยุติความขัดแย้ง
รัฐบาลวอชิงตันเผยว่ามีหลักฐานว่ารัสเซียกำลังเพิ่มการสนับสนุนเกาหลีเหนือ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีอวกาศและดาวเทียมขั้นสูง เพื่อแลกกับความช่วยเหลือในการต่อสู้กับยูเครน สังเกตได้จากยานปล่อยดาวเทียมและขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ของเกาหลีเหนือที่มีเทคโนโลยีพื้นฐานคล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่กับรัสเซีย.