โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เตือนยุคเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล-AI ทำมนุษย์เงินเดือนวัยกลางคนตกงานพุ่ง เพิ่มเหลื่อมล้ำทางศก.-แรงงาน

MATICHON ONLINE

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เตือนยุคเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล-AI ทำมนุษย์เงินเดือนวัยกลางคนตกงานพุ่ง เพิ่มเหลื่อมล้ำทางศก.-แรงงานปัญญาประดิษฐ์ แนะรัฐต้องมีระบบรองรับ

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เราอาจเห็นแนวโน้มของการเกษียณอายุ 45 ปีมากขึ้น ในบางภาคธุรกิจอุตสาหกรรมเพื่อลดต้นทุน ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและผลิตภาพ ปรับโครงสร้างองค์กรให้สอดรับกับเทคโนโลยี การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) และ เทคโนโลยีเอไอ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงานในธุรกิจการเงิน การบริการ สื่อมวลชน ผู้บริหารระดับกลางจะถูกแทนที่โดยเอไอมากขึ้น แรงงานที่มีอายุเกิน 45-50 ปีที่อาจจะปรับทักษะใหม่ไม่ได้ หรือ ต้องใช้การลงทุนมากเกินไป องค์กรจำนวนไม่น้อย ก็จะเอา แรงงานวัยกลางคนเหล่านี้ ออก ทำให้องค์กรกระชับขึ้น และ เปิดให้ คนรุ่นใหม่อายุน้อยกว่า ฐานเงินเดือนต่ำกว่า มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีได้ดีกว่า เข้ามาแทนที่ ภาวะดังกล่าว อาจทำให้องค์กรอยู่รอดได้ แต่อาจไม่ยั่งยืน หากระบบเศรษฐกิจและสังคมได้รับผลกระทบ องค์กรก็จะได้รับผลกระทบในที่สุด

ภาวะแก่แล้วไม่มีงานทำ-ไร้เงินอมม-ภาระผ่นอผ่านทำให้เกิดล่มสลายทางการเงิน

ดร.อนุสรณ์กล่าวว่า ภาวะ “ยังไม่แก่แล้วไม่มีงานทำ ไม่มีเงินออม ยังมีภาระผ่อนบ้าน มีภาระดูแลลูกและพ่อแม่” จะทำให้เกิดการล่มสลายทางการเงินของมนุษย์เงินเดือนวัยกลางคนในบางธุรกิจอุตสาหกรรม รัฐบาลและสังคมไทยต้องมีมาตรการและนโยบายในการรับมือเพราะจะเป็นปัญหาใหญ่โตในอนาคตได้ ขณะเดียวกัน ก็จะมีการยืดอายุเกษียณในหลายกิจการ ในภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมจากภาวการณ์ขาดแคลนแรงงานด้วยเช่นเดียวกัน แรงงานว่างงาน ไม่สามารถเข้ามาทดแทน แรงงานขาดแคลนได้ เพราะมีทักษะแตกต่างกัน เกิดความไม่สมดุลในตลาดแรงงาน ด้านหนึ่งมีคนว่างงาน อีกด้านหนึ่ง ไม่สามารถหาคนมาทำงานได้ เทคโนโลยีเอไอ โดยเฉพาะ Generative AI and Artificial General Intelligence -AGI จะเปลี่ยนกายวิภาคของงาน (Anatomy of Work) เสริมศักยภาพการทำงานของแรงงานมนุษย์

คาดเอไอเข้ามาแทนแรงงานขั้นสูง 50% ภายในปีค.ศ.2045

ดร.อนุสรณ์กล่าวว่า จากการวิจัยพบว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จะทำให้สามารถประหยัดเวลาการทำงานของแรงงานมนุษย์ได้ไม่ต่ำกว่า 60-70% Generative AI and AGI จะเข้ามาทดแทนแรงงานมนุษย์ความรู้สูง ทักษะสูงและค่าจ้างสูงมากกว่าแรงงานทักษะต่ำและค่าจ้างต่ำ มีการคาดการณ์ตำแหน่งงานในตลาดแรงงานทั้งหมดครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 50% จะถูกแทนที่โดยระบบอัตโนมัติภายในปี ค.ศ. 2045 Generative AI ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีการผลิต จะทำให้อัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้นระหว่าง 0.5-3.4% ต่อปี Augmentation แรงงานทักษะต่ำให้ทำงานได้ดีขึ้น และสร้างผลกำไรให้กับกิจการได้มากขึ้น

Generative AI และ Quantum Computing จะพลิกโฉมโลกและชีวิตมนุษย์มากยิ่งกว่าครั้งใดๆใน ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เมื่อเรามีความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เนต สมาร์ท โฟน พลิกโฉมระบบเศรษฐกิจ ระบบธุรกิจได้มาก พอสมควร แต่ครั้งนี้จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมตั้งแต่ อุตสาหกรรมบันเทิง จนถึง การสื่อสาร การเงินและการออกแบบ ระบบการเมือง การทำงานและวิถีชีวิต ผู้คนมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว นอกจากนี้ Generative AI ทำให้สามารถพัฒนาสู่ AGI (Artificial General Intelligence) ซึ่งเป็น “ปัญญาประดิษฐ์ สามารถทำงานเลียนแบบสมองมนุษย์ได้ ไม่ได้เป็นเพียงปัญญาประดิษฐ์ที่ทำงานเฉพาะเจาะจงตามโปรแกรมคำสั่งที่ถูกป้อนให้เท่านั้น การเกิดขึ้นของ Gen AI และ AGI จะทำให้แรงงานทักษะขั้นสูงมีผลิตภาพ (Productivity) และผลผลิตเพิ่มขึ้นหลากหลายและเติบโตอย่างก้าวกระโดดทำให้เรา สามารถทำงานน้อยลง ได้ผลผลิตมากกว่าเดิม และ Generative AI และ Quantum Computing จะเข้ามา ทำงานแทนแรงงานมนุษย์ได้แทบจะทุกสาขาวิชาชีพ รวมทั้งสามารถทำงานในสิ่งที่ศักยภาพของสมองมนุษย์มีขีดจำกัด ไม่สามารถทำได้

การเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีเพิ่มความเหลื่อมล่ำระหว่างทุนและแรงงานมากขึ้น

ดร.อนุสรณ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีอาจนำมาสู่ความเหลื่อมล้ำที่มากขึ้นระหว่างทุนและแรงงาน ระหว่างทุนที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีกับทุนที่ซื้อและใช้เทคโนโลยี ระหว่างประเทศเจ้าของเทคโนโลยีกับประเทศที่ซื้อเทคโนโลยีมาใช้ เทคโนโลยีแพลตฟอร์มดิจิทัลในบางลักษณะได้สร้างพลวัตแบบผูกขาดขึ้นมา มียักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีไม่กี่บริษัทที่ควบคุมตลาดโลก ทำให้ธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็ก หรือบริษัทใหญ่ในประเทศไม่มีอำนาจต่อรองไม่สามารถแข่งขันได้ กลุ่มทุนเจ้าของเทคโนโลยีสามารถสะสมความมั่งคั่งจนล้นเกินขณะที่แรงงานเผชิญการถูกแทนที่โดยเทคโนโลยีและค่าจ้างหยุดนิ่ง ส่วนการทำงานของแรงงานแพลตฟอร์มทั้งหลาย อย่าง Grab, Uber อาจมีความยืดหยุ่นในการทำงานสูง แต่งานไม่มีความมั่นคง และ ไม่มีสวัสดิการและความคุ้มครองทางแรงงานที่ดีนัก ความมั่งคั่งและผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีจะถูกแบ่งปันอย่างไรให้เป็นธรรม เป็นเรื่องที่สังคมต้องแสวงหาคำตอบร่วมกัน

นอกจากนี้อาจเกิดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างแรงงานมีทักษะและไม่มีทักษะในการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆทั้งหลายภายใต้เศรษฐกิจแบบดิจิทัลสามารถทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำและการแบ่งขั้วในสังคมเพิ่มขึ้นก็ได้ ลดลงก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเหล่านี้ไปในทางไหนและด้วยการกำกับดูแลทั้งทางนโยบายอย่างไร หรือ กลไกตลาดในระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อนไปอย่างไร ทุนนิยมโลกาภิวัตน์และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลมีผลทำให้เกิดการแบ่งขั้วด้านอาชีพมากขึ้น อัตราการเติบโตของค่าตอบแทนระหว่างผู้บริหารระดับสูง กับ อัตราการเติบโตของค่าตอบแทนของคนงานทั่วไปถ่างกว้างมากขึ้นทุกวัน เช่นเดียวกับแรงงานที่มีทักษะทางด้านดิจิทัล และ แรงงานที่ไม่มีทักษะในเรื่องดังกล่าว ทุนนิยมโลกาภิวัตน์ทำให้บรรษัทข้ามชาติเครื่องย้ายฐานงานทักษะต่ำเกือบทั้งหมดไปยังดินแดนที่มีแรงงานทักษะต่ำจำนวนมากและมีค่าแรงถูก เศรษฐกิจดิจิทัลมีการนำเทคโนโลยีและระบบเครื่องจักรอัตโนมัติมาแทนที่แรงงานมนุษย์ที่ทำงานแบบซ้ำๆโดยไม่ต้องใช้ทักษะ การแบ่งขั้วทางด้านอุดมการณ์ความคิดและวิถีชีวิตอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ได้ขึ้นอยู่กับมีการใช้เทคโนโลยีไปในทิศทางใด

ดร.อนุสรณ์กล่าวว่า เมื่อเราพูดถึงความเหลื่อมล้ำ เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจเรื่องช่องว่างดิจิทัล เนื่องจาก “ช่องว่างดิจิทัล” จะทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมย่ำแย่ลง เวลาเราพูดถึง ช่องว่างดิจิทัล เรามักหมายถึง ช่องว่างระหว่างกลุ่มที่เข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลกับกลุ่มที่เข้าไม่ถึง ความแตกต่าง ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล การเข้าถึงอินเตอร์เน็ต อุปกรณ์สื่อสารและคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่สะท้อนความสามารถทางการเงิน ฐานะทางเศรษฐกิจ ทักษะและศักยภาพของบุคคลที่แตกต่างกันอีกด้วย เราจึงเห็นความแตกต่างของการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศด้อยพัฒนา ระหว่างพื้นที่ในเมืองใหญ่กับชนบท ความไม่สามาถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลได้ทำให้เป็นอุปสรรคในการประกอบอาชีพ การศึกษา ข้อมูลข่าวสารและโอกาสทางเศรษฐกิจต่างๆ ความไม่เท่าเทียมใน การเข้าถึง การใช้ และผลกระทบจาก เทคโนโลยีโทรคมนาคมและการสื่อสารของผู้คน ตั้งแต่อดีตจนก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลในระยะต่อมา ทำให้ความไม่เท่าเทียมนี้ถูกเรียกในภายหลังว่า “ช่องว่างทางดิจิทัล” หรือ Digital Divide ซึ่งแปลความให้ง่ายก็คือ ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต

ความไม่เท่าเทียมการเข้าถึงเทคโนโลยีเกิดจาก 3 ปัจจัย

ดร.อนุสรณ์กล่าวว่า ความไม่เท่าเทียมจากการเข้าถึงเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตที่ผู้คนทั้งโลก เกิดจากปัจจัยอย่างน้อยที่สุด 3 ประการคือ

ประการที่หนึ่ง เกิดจากช่องว่างในการเข้าถึงการใช้เทคโนโลยี (วัดจากจำนวนและการกระจายตัวของเทคโนโลยี เช่น จำนวนโทรศัพท์ จำนวนคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เป็นต้น)

ประการที่สอง เกิดจากช่องว่างจากความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (วัดจากทักษะและปัจจัยเสริมอื่นๆ)

ประการที่สาม เกิดจากช่องว่างที่มีผลกระทบต่อการใช้งาน (วัดจากผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ การเงิน หรือการวัดผลด้านอื่น)

ประเทศต่างๆตระหนักถึงปัญหาของ “ช่องว่างทางดิจิทัล”เหล่านี้เป็นอย่างดี และเกือบทุกประเทศได้พยายามแก้ไขเพื่อทำให้ช่องว่างเหล่านี้แคบลง หลายประเทศสามารถลดช่องว่างเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นต้นว่า เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ฟินแลนด์ สวีเดน เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก และญี่ปุ่น ในขณะที่ประเทศอีกจำนวนมากรวมทั้งประเทศไทยเองต่างยังไม่สามารถก้าวข้ามช่องว่างนี้ไปได้ ช่องว่างทางดิจิทัล มีวิวัฒนาการต่อเนื่อง ตามกาลเวลาที่ผ่านไปและตามประเภทของเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ เทคโนโลยีทุกประเภทที่ถูกนำมาใช้ต้องใช้เวลาใน การแพร่กระจาย (Diffusion) เทคโนโลยีบางประเภทสามารถถูกซึมซับและแพร่กระจายได้รวดเร็วขณะที่เทคโนโลยีบางประเภท
ต้องใช้เวลาหลายปีหรือหลายสิบปีจึงจะถึงจุดอิ่มตัวและเข้าถึงคนส่วนใหญ่ ช่องว่างทางดิจิทัล มิใช่เป็นช่องว่างเชิงเดี่ยว (Single divide) แต่เป็นช่องว่างหลายมิติ เช่น เกิดขึ้นระหว่างประเทศ เกิดขึ้นระหว่างเพศ เกิดขึ้นระหว่างวัย ฯลฯ

5-10ปี AI ลดความต้องการแรงงานสร้างสรรค์ของมนุษย์

ดร.อนุสรณ์ กล่าวต่อว่า Artificial General Intelligence (AGI) หรือ General AI (ปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาให้ใกล้เคียงมนุษย์) และ Generative AI (ปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์) จะนำไปสู่อุปทานส่วนเกินจำนวนมากของงานสร้างสรรค์ อุปทานแรงงานสร้างสรรค์ นำไปสู่การลดลงของอุปสงค์ต่อแรงงานสร้างสรรค์ของมนุษย์อย่างชัดเจนในระยะ 5-10 ปีข้างหน้าและอนาคตต่อไป ขณะที่กิจการการผลิตหรือบริการที่อาศัยแรงงานมนุษย์จะมีลักษณะคุณค่าในตลาดเฉพาะเจาะจง (Gain Niche Value) ผลิตภาพที่สูงขึ้น ลดระดับราคาของสินค้าจำเป็นทั้งหลาย เปลี่ยนแปลงพลวัตทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจเคลื่อนตัวสู่การเป็น Hyper Capitalism มากขึ้นพร้อมอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ Artificial General Intelligence (AGI) หรือ General AI (ปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาให้ใกล้เคียงมนุษย์) ทำให้เกิดความจำเป็นในการต้องปฏิรูปและปรับเปลี่ยนระบบประกันสังคม ระบบความมั่นคงและความปลอดภัยของแรงงาน

ข้อถกเถียงเรื่องภาษี หุ่นยนต์และ AI เกิดขึ้นในยุโรป สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้และญี่ปุ่น บางประเทศมีการเก็บภาษีเพื่อมาใช้สำหรับสวัสดิการแรงงาน บางประเทศไม่เก็บเพราะเห็นว่าเป็นสิ่งลดแรงงานจูงใจในการพัฒนาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หลายประเทศเริ่มคิดถึงระบบ Universal Basic Income เพื่อรองรับ แรงงานมนุษย์ส่วนเกิน เพื่อให้สามารถดำรงชีพตามมาตรฐานขั้นต่ำได้ ระบบคุณค่าของสังคมมนุษย์ ความเชื่อศรัทธาต่อศาสนาเปลี่ยนแปลงไปในหลายมิติ

ดร.อนุสรณ์กล่าวว่า มนุษย์ยุค AI ให้คุณค่ากับความร่ำรวยทางด้านวัตถุเงินทองน้อยลง แต่จะให้คุณค่ากับการใช้ชีวิตตามความปรารถนามากขึ้นหลายประเทศเริ่มคิดถึงระบบ Universal Basic Income เพื่อรองรับ แรงงานมนุษย์ส่วนเกิน เพื่อให้สามารถดำรงชีพตามมาตรฐานขั้นต่ำได้ นอกจากนี้ การพัฒนาเกี่ยวกับ AI นั้นควรมีการจัดตั้ง National AI Office ขึ้นมา

มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้เกิดระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต การคุ้มครองทางสังคมแบบถ้วนหน้า สนับสนุนให้มีการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเสมอภาค หากมีมาตรการและนโยบายในการเปลี่ยนผ่านเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆได้อย่างเหมาะสมจะทำให้ GDP ไทยมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นและเพิ่มศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว เมื่อการดำเนินนโยบายครอบคลุมและเน้นความเสมอภาคเท่าเทียม การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital transition) สามารถเป็นพลังลดความเหลื่อมล้ำและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เตือนยุคเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล-AI ทำมนุษย์เงินเดือนวัยกลางคนตกงานพุ่ง เพิ่มเหลื่อมล้ำทางศก.-แรงงาน

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก MATICHON ONLINE

สุดอาลัย พลทหาร ลูกชายป้ามีนา บวชหน้าไฟ ส่งแม่ครั้งสุดท้าย เผยกำลังใจดี

27 นาทีที่แล้ว

'วีนา' เคลียร์ชัดล็อกมง MUT2025 ขายเก่งยอด 32 ล้าน ชีวิตพลิกเพราะไม่ยอมแพ้

36 นาทีที่แล้ว

ปภ. เปิดวอร์รูม ติดตามพายุคาจิกิ 24 ชม. เร่งระดมเครื่องจักรลงพื้นที่เสี่ยงภาคเหนือ-อีสาน เตือน 45 จว.รับมือ

51 นาทีที่แล้ว

รวบเสี่ยอพาร์ตเมนต์บางแสน จ่ายเช็คเด้งหนี้เงินกู้ 150 ล้าน อึ้ง หนีหมายจับ 31 คดี

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

กรมอุตุ เตือนฉบับ 9 พายุคาจิกิ ขึ้นฝั่งเวียดนามพรุ่งนี้ ทะลุเข้าไทยที่จ.น่าน 26 ส.ค. 16 จว.ฝนหนักมาก ลมแรง

MATICHON ONLINE

R-A-P-I-D ยุทธศาสตร์ใหม่ กนอ. ยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่สากล l 23 ส.ค. 68 FULL l BTimes Weekend ShowBiz

BTimes

20 ประเทศที่เก็บ “ภาษีเงินได้” สูงที่สุดในโลก

TNN ช่อง16

วิธีลงทะเบียนรับเงินผู้สูงอายุ 1,000 บาทเพิ่ม ในวันที่ 10 ก.ย. 68 เหรอ

sanook.com

เปิดใจ CEO: Curtain Up Studios& Bangkok Theatre Project ถึงการมาครั้งแรกในไทยของละครเพลง ‘The Lion Inside’

Manager Online

พาณิชย์ เร่งปิดดีล FTA ไทย-อียู เจาะตลาดกำลังซื้อสูง-ลงทุนอุตสาหกรรมอนาคต

การเงินธนาคาร

นักวิชาการธรรมศาสตร์ ชี้นำเข้าศรีลังกา ทดแทน" แรงงานกัมพูชา " คืนถิ่นไม่ได้

Khaosod

อรรถกร สั่งเฝ้า 24 ชม.รับมือ พายุคาจิกิ กำชับกรมชลฯ พร่องน้ำเขื่อนเป็นระบบ ป้องพื้นที่เกษตรท้ายน้ำรับมือ

MATICHON ONLINE

ข่าวและบทความยอดนิยม

ปชน. ยัน พร้อมยื่นอภิปราย หากนายกฯอิ๊งค์ รอดศาลรธน. ปมคลิปเสียงคุยฮุนเซน

MATICHON ONLINE

เตือนยุคเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล-AI ทำมนุษย์เงินเดือนวัยกลางคนตกงานพุ่ง เพิ่มเหลื่อมล้ำทางศก.-แรงงาน

MATICHON ONLINE

แมนยูลุยเจรจาค่าตัวนายทวารเลมเมนส์ หวังปิดดีลได้ที่ 20 ล้านยูโร

MATICHON ONLINE
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...