“พานาโซนิค” ปักหมุดตลาดไดร์เป่าผมพรีเมียม หวังยึดอันดับ 1 เอเชีย ภายในปี 2570
"พานาโซนิค" ปักหมุดตลาดไดร์เป่าผมพรีเมียม หวังแข่ง Dyson-Philips และขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งตลาดไดร์เป่าผมเอเชียใน 3 ปีข้างหน้า
วันที่ 24 สิงหาคม 2568 เวลา 13.14 น. สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่าพานาโซนิค (Panasonic) ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่น กำลังหันมาพึ่งพาไดร์เป่าผมรุ่นไฮเทคและอุปกรณ์เสริมความงามระดับพรีเมียม เพื่อยกระดับยอดขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หวังว่าสินค้าที่ครองตลาดในญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานจะได้รับความนิยมเช่นเดียวกันในภูมิภาคที่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเติบโตอย่างรวดเร็ว
ในห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางกรุงเทพฯ ไดร์เป่าผมดีไซน์ทันสมัยของพานาโซนิควางขายเคียงคู่กับคู่แข่งระดับโลกอย่าง Philips จากเนเธอร์แลนด์ และ Shark แบรนด์หลักของบริษัทสหรัฐ SharkNinja ราคามีตั้งแต่ 600 บาท ไปจนถึงประมาณ 9,000 บาท ซึ่งเทียบกับค่าแรงเฉลี่ยรายเดือนของไทยราว 20,000 บาทแล้ว ถือว่าเป็นสินค้าที่ต้องคิดก่อนซื้อ
อะคัตสึกิ คามิโมโตะ หัวหน้าฝ่ายแบรนด์บิวตี้ของพานาโซนิค กล่าว โดยอธิบายถึงกลุ่มสินค้าราคาเฉลี่ยราว 130 ดอลลาร์ ว่า“ไม่กี่ปีมานี้ ตลาดไดร์เป่าผมระดับพรีเมียมเติบโตเร็วมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
ในตลาดเกิดใหม่อย่างไทยและมาเลเซีย ครัวเรือนชนชั้นกลางที่มีรายได้มากกว่า 10,000 ดอลลาร์ต่อปีเพิ่มขึ้นจนมีสัดส่วนราวครึ่งหนึ่งของประชากร เป็นแรงหนุนให้ความต้องการสินค้าความงามและดูแลตัวเองพุ่งสูงขึ้น เดิมทีพานาโซนิคเน้นสินค้าระดับแมส แต่ปัจจุบันกำลังเร่งเข้าสู่ตลาดระดับสูง
หัวใจสำคัญของกลยุทธ์ใหม่ นี้คือ Nanocare EH-NA0J ไดร์เป่าผมรุ่นพรีเมียมที่ออกแบบมาเพื่อทั้งการเป่าแห้งเร็วและการดูแลเส้นผม567 จุดเด่นคือเทคโนโลยีเพิ่มความชุ่มชื้นเฉพาะของพานาโซนิคที่ช่วยให้ผมเรียบลื่นและจัดทรงง่าย
ต่างจาก Dyson ที่เน้นความเร็ว พานาโซนิควางตำแหน่งชัดเจนในเรื่องคุณสมบัติบำรุงเส้นผม โดยขายในราคาเฉลี่ย 270 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าญี่ปุ่นเล็กน้อย และได้รับความนิยมในหมู่ผู้หญิงวัย 30–40 ปี ปัจจุบันยอดขายไดร์เป่าผมของพานาโซนิคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตเลขสองหลักต่อปี
พานาโซนิคยังเดินหน้าทำ Localize กระบวนการขายและวางแผนผลิตภัณฑ์ จากเดิมที่ญี่ปุ่นเป็นศูนย์กลางพัฒนา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้สินค้าแบบหน่วงเวลา ทำให้ตามหลังคู่แข่งจีนและผู้เล่นท้องถิ่นที่ออกแบบใหม่ทุกปี เพื่อปิดช่องว่างนี้ บริษัทจึงตั้งหน่วยวางแผนผลิตภัณฑ์ที่โรงงานในไทยปี 2567 และติดตั้งศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ คาดว่าจะมีอุปกรณ์เสริมความงามที่ออกแบบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้วางขายเร็วสุดปีงบ 2570
ขณะเดียวกันการแข่งขันตลาดไดร์เป่าผมในภูมิภาคร้อนแรง โดย Dyson ครองส่วนแบ่งราว 20% ส่วน Philips และ Panasonic มีราว 10% และต้องแข่งกับผู้ผลิตจีนและสตาร์ตอัปท้องถิ่นที่กำลังมาแรง
“เป้าหมายของเราคือการขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดไดร์เป่าผมเอเชียภายในปี 2570 พร้อมรักษาอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละราว 7%” คามิโมโตะกล่าว พร้อมเผยแผนขยายไลน์สินค้าสู่เครื่องหนีบผมและอุปกรณ์ดูแลผิวหน้า
ครั้งหนึ่งบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นเคยครองตลาดโลกด้วยสินค้าใหญ่อย่างตู้เย็นและทีวี แต่เมื่อฟังก์ชันเริ่มใกล้เคียงกันและนวัตกรรมชะลอตัว ผู้บริโภคก็หันไปให้ความสำคัญกับราคาแทน ทำให้ผู้ผลิตจีนและเกาหลีใต้เข้ามาแทนที่
แต่พานาโซนิคหวังว่าการผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ากับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจตลาดท้องถิ่น จะช่วยสร้างเส้นทางเติบโตใหม่ในตลาดความงามที่ซับซ้อนขึ้นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อ้างอิง : asia.nikkei.com