กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิสหรัฐ เริ่มพก 'ปืน M17 - ไรเฟิล M4' ลาดตระเวนวอชิงตัน
กองทัพสหรัฐ รายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) ที่ปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนในวอชิงตันดีซี เมืองหลวงสหรัฐ ตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่ม พกอาวุธปืน ระหว่างปฏิบัติหน้าที่แล้ว
หน่วยเฉพาะกิจร่วมในดีซี (Joint Task Force-DC) แถลงว่า "สมาชิกของกองกำลัง (Joint Task Force-DC) เริ่มพกพาอาวุธประจำกายตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 24 สิงหาคม 2025"
แถลงการณ์ดังกล่าวย้ำว่า กองกำลังได้รับอนุญาตให้ใช้กำลังได้เฉพาะ "เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้ทางเลือกสุดท้าย และเพื่อตอบโต้ต่อภัยคุกคามที่อาจถึงแก่ชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น" เจ้าหน้าที่ที่ไม่เปิดเผยชื่อกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า
กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิจะพกปืนพก M17 หรือปืนไรเฟิล M4
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างอย่างไม่มีหลักฐานเมื่อวันอาทิตย์ว่า “ไม่มีอาชญากรรมและไม่มีการฆาตกรรมในดี.ซี.!” หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่เขาได้ส่งกองทหารดังกล่าวลาดตระเวนในเมืองหลวง
ทรัมป์ระบุผ่านโพสต์อันเดียวกันในทรูธโซเชียลว่า เขาอาจส่งกองทัพไปยังเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ ซึ่งเป็นเมืองที่เขาบอกว่า "ไร้การควบคุม" และ "เต็มไปด้วยอาชญากรรม"
ทรัมป์ตอบกลับจดหมายจาก เวส มัวร์ ผู้ว่าการรัฐแมริแลนด์ ที่เชิญให้เขาไปเยือนบัลติมอร์และเดินตามท้องถนนว่า “ผมพอใจที่จะกวาดล้างภัยพิบัติอาชญากรรมก่อนที่จะไปเดินเล่นที่นั่น”
อย่างไรก็ตาม ตามรายงานของกรมตำรวจบัลติมอร์ ระบุว่า ความรุนแรงด้านอาวุธปืนลดลงเป็นตัวดลขสองหลักในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบกับปีก่อน
แบรนดอน สก็อตต์นายกเทศมนตรีเมืองบัลติมอร์ เผยยอดคดีฆาตกรรมในเมืองอยู่ที่ 84 คดีในปีนี้ ซึ่งถือเป็นจำนวนน้อยที่สุดในรอบกว่า 50 ปี
ขณะนี้ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งมีประชากรราว 700,000 คนเศษ มีเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางหลายพันนายกำลังลาดตระเวนตามท้องถนน
กองกำลังดังกล่าวเป็นกองกำลังสำรองนอกเวลา ซึ่งกองทัพบกสหรัฐระบุว่า สามารถเรียกตัวเจ้าหน้าที่หน่วยนี้มาปฏิบัติหน้าที่ในเหตุฉุกเฉินภายในประเทศ ภารกิจรบในต่างประเทศ และความพยายาม “ปราบปรามยาเสพติด” ได้
อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของเจ้าหน้าที่กองกำลังดังกล่าวในเมืองหลวงของสหรัฐพร้อมกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลาง ต้องเผชิญกับการประท้วง ขณะที่ประชาชนก็เกิดความหวาดกลัวและสับสน
อ้างอิง: Al Jazeera