จับตา24ชม.16จังหวัด เส้นทางพายุคาจิกิผ่าน
“กรมอุตุฯ” เตือน 16 จังหวัดเฝ้าระวังพิเศษ เพราะเป็นเส้นทางพายุคาจิกิพาดผ่าน “ภูมิธรรม” สั่งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดจับตา 24 ชั่วโมง กำชับพ่อเมืองปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ “ปภ.” ถกด่วนหากเกิดเหตุพร้อมแจ้งผ่านระบบ Cell Broadcast
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ส.ค.2568 น.ส.สุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาเรื่อง พายุคาจิกิ และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 8 (211/2568) ระบุว่า พายุโซนร้อนกำลังแรงคาจิกิได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นแล้ว คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองวิญ ประเทศเวียดนามตอนบน และอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนในวันที่ 25 ส.ค. และอ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชันเคลื่อนเข้าสู่ลาวในช่วงเช้าวันที่ 26 ส.ค. และอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงและเคลื่อนเข้าสู่ไทยบริเวณจังหวัดน่านในช่วงเย็นของวันที่ 26 ส.ค.
น.ส.สุกันยาณีระบุว่า จากอิทธิพลดังกล่าว ทำให้ในช่วงวันที่ 24-26 ส.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรง ส่วนภาคเหนือจะได้รับผลกระทบในช่วงวันที่ 25-27 ส.ค. โดยเฉพาะบริเวณที่ใกล้กับเส้นทางเดินพายุ ได้แก่ จังหวัดบึงกาฬ, หนองคาย, นครพนม, สกลนคร, อุดรธานี, หนองบัวลำภู, เลย, อุตรดิตถ์, น่าน, พะเยา, แพร่, เชียงราย, เชียงใหม่, ลำปาง, ลำพูน และแม่ฮ่องสอน สำหรับภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากพายุ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.) กล่าวว่า ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานคร ได้ประสานการทำงานและติดตามสถานการณ์ร่วมกับ ปภ.อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง พร้อมทั้งมอบหมายให้ ปภ.ตั้งวอร์รูมร่วมกับทุกจังหวัด เพื่อประเมินสถานการณ์ และหากประเมินแล้วพบว่าสถานการณ์จะทวีความรุนแรงในพื้นที่ใด ให้ผู้ว่าฯ สั่งการทันทีตามแผนเผชิญเหตุ
วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ปภ. นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดี ปภ. เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การเฝ้าระวังพายุโซนร้อนกำลังแรงคาจิกิ ระบุว่า น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพื้นที่เสี่ยง ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และกรุงเทพมหานคร จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและเตรียมการช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง โดย ปภ.ได้เตรียมพร้อมระบบ Cell Broadcast เพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเพื่อให้รับทราบสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที จะได้สามารถอพยพกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้ทันท่วงที รวมทั้งได้กำชับให้พื้นที่เตรียมการป้องกันพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ อาทิ โรงพยาบาล พื้นที่ชุมชน พื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ เพื่อลดความสูญเสียให้มีน้อยที่สุด
นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดี ปภ. กล่าวว่า ปภ.ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตทุกแห่งประเมินพื้นที่เสี่ยงของจังหวัด และทำแผนเตรียมความพร้อมในการจัดส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยตามลำดับความเสี่ยงของพื้นที่ ซึ่งขณะนี้แต่ละศูนย์ ปภ.เขตได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยลงพื้นที่แล้ว โดย ปภ. สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ ในเขตภาคเหนือ ได้สั่งการให้ศูนย์ ปภ.เขต 9 พิษณุโลก เป็นศูนย์รวมทรัพยากรที่ระดมทรัพยากรจาก ศูนย์ ปภ.เขต 2 สุพรรณบุรี และเขต 16 ชัยนาท โดยเริ่มเคลื่อนกำลังในบ่ายของวันที่ 24 ส.ค.นี้
ส่วนนายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า โครงการชลประทานเชียงใหม่ได้สั่งการให้ฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1-8 เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง และให้รายงานสถานการณ์เข้ามาให้ทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อวางแผนในการรับมือสถานการณ์น้ำฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนัก
ขณะที่สำนักชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท เร่งพร่องน้ำเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อเตรียมพื้นที่รองรับปริมาณน้ำเหนือ และน้ำฝนจากพายุคาจิกิ โดยเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเป็นอัตรา 1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และผันน้ำเข้าระบบชลประทานสองฝั่งเจ้าพระยา รวมปริมาณ 370 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เช่นเดียวกับเขื่อนนเรศวร ที่กั้นแม่น้ำน่าน จ.พิษณุโลก ได้เร่งปล่อยน้ำที่ระบายออกมาจากเขื่อนสิริกิติ์อย่างเร่งด่วน โดยได้ยกบานประตูเขื่อนขึ้นจากเดิมอีก 10 เซนติเมตร.