KH Academy สานต่อภารกิจสร้างผู้นำรุ่นใหม่ ภายใต้ ‘ความยั่งยืน’ รับเทรนด์ธุรกิจโลก
เปิด vision ผู้บริหารสถาบัน KH Academy สานต่อภารกิจสร้างวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำองค์กรให้กับคนรุ่นใหม่ ติดปีกมุมมองและบทบาทการปฏิบัติหน้าที่ผู้นำองค์กรภายใต้ ‘ความยั่งยืน’ มุ่งพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านแก่นิสิตเพื่อก้าวเข้าสู่การทำงานกับบริษัทชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ THE EMPYREAN NHA TRANG HOTEL เมืองญาจาง ประเทศเวียดนาม ในพิธีปิดโครงการ KH camp for next C-Suite “ที่สุดของการเตรียมความพร้อมสาหรับผู้นำองค์กรในอนาคต” 2025 ที่จัดขึ้นโดย KH Academy
นายบูรพา สงวนวงศ์ ผู้บริหารสถาบัน KH Academy กล่าวว่า มีคำถามเกิดขึ้นถึงวัตถุประสงค์และสาเหตุของการที่ข่าวหุ้นธุรกิจได้มีการริเริ่มและจัดตั้งสถาบัน KH Academy ขึ้นมา คำตอบที่ชาว KH Academy ตอบกันมาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเชื่อว่ายังต้องตอบต่อไปหลังจากนี้คือเรื่องของ Sustainability หรือว่า ‘ความยั่งยืน’
เมื่อพูดถึงความยั่งยืนคงจะเป็นคำที่ถือว่ากว้างมาก ๆ ดังนั้น จึงขอใช้โอกาสนี้ในการบอกเล่าพูดถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นของ KH Academy ในการที่อยากจะคืนสิ่งดี ๆ สู่สังคม เราตั้งใจที่จะให้สิ่งที่พวกเราทำส่งผลให้เมล็ดพันธุ์ของสถาบันการศึกษาได้มีการเจริญเติบโตได้อย่างมั่นคง ออกดอกผลิใบและคลอดผลได้อย่างสวยงามเป็นสง่า ซึ่งจะสร้างชื่อเสียงอันดีงาม กลับคืนมายังสถาบันการศึกษาในฐานะที่เป็นผู้อุปถัมภ์ ฟูมฟัก นิสิตนักศึกษาทุก ๆ คน
สิ่งที่ KH Academy ทำ จะส่งผลให้บริษัทห้างร้านต่าง ๆ มีผู้ปฏิบัติงานที่เปี่ยมด้วยทักษะ ประสบการณ์ ศักยภาพ ตรรกะ และวิสัยทัศน์ อันจะนำมาซึ่งความสัมฤทธิผลในการดำเนินกิจการ สิ่งที่ KH Academy ทำ จะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศชาติได้รับการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์จากฝีมือของกำลังพลคนรุ่นใหม่ที่พร้อมเรียนรู้ในทุก ๆ ด้าน และเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก
ทั้งยังส่งผลทำให้ครอบครัวที่มีกิจการ อาจจะริเริ่มมาตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่า ตกทอดมาถึงรุ่นคุณพ่อคุณแม่ และก็ยังมีรุ่นลูกหลานที่จะสามารถสานต่อแล้วก็นำพากิจการให้เจริญเติบโตได้ต่อไปอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังจะทำให้ข่าวหุ้นธุรกิจมีผู้ติดตามและผู้อ่าน ที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่จะต้องขึ้นมาแทนที่คนรุ่นเก่า ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าล้มหายตายจากลงไปในทุก ๆ วัน
หวังฟื้นความเชื่อมั่นตลาดทุนไทยด้วยความยั่งยืน
นายบูรพากล่าวต่อว่า ด้วยสภาพการณ์ที่เราก็เห็นอยู่ในปัจจุบัน เกี่ยวกับตลาดทุนไทย ความย่ำแย่ ความตกต่ำของตลาดทุน หลายคนตั้งคำถามว่าเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งเป็นเรื่องนานาจิตตัง ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรามีมุมมองอย่างไร จะคิด วิเคราะห์ แยกแยะ แต่ละประเด็นปัญหาเช่นไร และเขาเชื่อสิ่งหนึ่งว่าสิ่งที่ทำให้สภาพของตลาดหุ้นเป็นดังเช่นที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน นั่นคือเรื่องของการขาดสภาพคล่อง ก็คงต้องตั้งคำถามกันต่อว่าทำไมถึงขาดสภาพคล่องของการซื้อขาย
“อันดับแรกผมมองว่าเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นที่ขาดหายไป ไม่ว่าจะมาจากด้านภาวะเศรษฐกิจ ความวุ่นวายทางการเมือง ความไม่ลงตัวในหลาย ๆ มิติของประเทศไทย ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุ และสำคัญยิ่งขึ้นไปกว่านั้น การขาดสภาพคล่อง นั่นหมายถึง ตลาดหุ้น ไม่มีนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนอย่างยั่งยืน หรือพร้อมที่จะลงทุนระยะยาว สิ่งเหล่านี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของนักลงทุน ก็คงจะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดของตลาดหุ้น ถ้าไม่มีนักลงทุนแล้ว การมาลงทุนในตลาดแรกหรือว่า Primary Market ก็คงจะเกิดขึ้นได้ยากหรืออาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย” นายบูรพากล่าว
องค์ประกอบระบบเศรษฐกิจไทยยังขาดความยั่งยืน
นายบูรพากล่าวต่อว่า การซื้อขายหรือการเก็งกำไรในตลาดรองที่เรียกว่า Secondary Market คงไม่สามารถสร้างรายได้ให้กับนักลงทุนมืออาชีพ ไม่สามารถเป็นแหล่งบริหารเงินออมให้กับคนที่ลงทุนระยะยาวเพื่อมุ่งหวังผลตอบแทน ไม่ว่าจะในรูปแบบของเงินปันผลหรือในรูปแบบของส่วนต่างราคาหุ้น ฉะนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้ ตลาดหุ้นคือองค์ประกอบสำคัญของระบบเศรษฐกิจไทยที่ยังขาดไปซึ่งความยั่งยืนอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งที่ KH Academy ทำทั้งหมดจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ขออนุญาตย้ำว่าไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย หากปราศจากแรงสนับสนุนจากหลายภาคส่วนที่เข้าใจในวัตถุประสงค์ และเล็งเห็นในอุดมการณ์ตลอดจนความตั้งใจ และความมุ่งมั่นที่เราต้องการจะรังสรรค์ให้เกิดขึ้น ในโอกาสนี้ผมขออนุญาตขอกราบขอบพระคุณผู้สนับสนุนทั้งหลาย ได้แก่
บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไพร์มสตรีท แอดไวเซอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) , ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน)
บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน), บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน), บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด, บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน), บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน), บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน), บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ต้องถือว่าผู้สนับสนุนดังรายนามที่กล่าวถึง จะเข้าใจถึงเจตนารมณ์ แล้วก็มีจุดมุ่งหมายไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเคยได้เรียนต่อทางผู้บริหารของผู้สนับสนุนเหล่านี้บางท่านเกี่ยวกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน
“หลายท่านเคยได้ตั้งคําถามว่า เหตุใดราคาหุ้นของบริษัทเขาถึงเป็นเช่นนี้ทั้งที่ผลประกอบการก็ดี มีการเติบโต มีการจ่ายเงินปันผลอยู่ตลอด ผมก็ตอบจนสุดท้ายผมบอกว่า ผมเบื่อที่จะตอบแล้ว เพราะสุดท้ายมันก็ต้องกลับมาที่เรื่องของความยั่งยืนอีกนั่นแหละ ว่าถ้าตราบใดที่ผู้ลงทุนยังไม่มีความเชื่อมั่น ไม่ใช่ในบริษัทท่าน แต่ในตลาดหุ้นทั้งหมด” นายบูรพากล่าว
เสริมเขี้ยวเล็บให้คนรุ่นใหม่
นายบูรพากล่าวต่อว่า เคยได้เรียนต่อทางผู้บริหารของผู้สนับสนุนเหล่านี้บางท่านเกี่ยวกับสภาวการณ์ในปัจจุบันซึ่งหลายท่านก็เคยได้ตั้งคําถามว่า เหตุใดราคาหุ้นของบริษัทเขาถึงเป็นเช่นนี้ทั้งที่ผลประกอบการก็ดีมีการเติบโตมีการจ่ายเงินปันผลอยู่ตลอด ต้องบอกว่าสุดท้ายมันก็ต้องกลับมาที่เรื่องของความยั่งยืน เพราะถ้าตราบใดที่ผู้ลงทุนยังไม่มีความเชื่อมั่น ไม่ใช่ในบริษัทท่าน ในตลาดหุ้นทั้งหมด ราคาหุ้นของท่านก็จะไม่มีวันสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง
ดังนั้น วันนี้การที่จะทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จจากการลงทุน เรามีหน้าที่ที่จะต้องติดเสริมเขี้ยวเล็บให้กับเขาเหล่านั้น แม้หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าข่าวหุ้นจะทำข่าวหุ้นอะคาเดมี่หรือว่า KH Academy ส่วนใหญ่อาจมองว่าจะเป็นการเปิดสถาบันเพื่อสอนคนเล่นหุ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมีนโยบายและความตั้งใจตั้งแต่วันแรกว่า จะไม่สอนใครเล่นหุ้น เพราะการเล่นหุ้นอย่างเดียวโดยไม่คํานึงถึงเรื่องของปัจจัยพื้นฐาน เรื่องของผลประกอบการ นั่นคือการเล่นหุ้นที่ไม่ยั่งยืน
สร้างบุคลากรสู่อุตสาหกรรมการลงทุนอย่างยั่งยืน
KH Academy มีเจตนาที่อยากจะสร้างบุคลากร สําหรับอุตสาหกรรมการเงินการลงทุนในประเทศไทย แล้วเราเชื่อว่าการฟูมฟักให้ความรู้นิสิตนักศึกษาในโครงการหรือว่าหลักสูตรต่าง ๆ เราไม่ได้สอนให้เขาเล่นหุ้นหรือเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น แต่ด้วยความรู้ที่เขามี เขาเหล่านี้ก็จะกลายเป็นนักลงทุนที่มีความรู้ความสามารถ สามารถประเมินมูลค่ากิจการได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอใครมาบอกว่าหุ้นตัวนี้ดี หุ้นตัวนั้นดี แต่เราจะมีนักลงทุนที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นและนี่ก็จะเป็นองค์ประกอบสําคัญที่จะนําพาพวกเราไปสู่ความยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวนี้ อาจเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่เราเชื่อว่ามันเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เราบรรลุสิ่งที่เรียกว่า Sustainability ได้
โดยโครงการ KH Camp for Next C Suite 2025 ก็เป็น Batch ที่ 2 ของปี เป็นรุ่นของปีนี้ และก็เป็นรุ่นที่ 2 ของโครงการนี้ ซึ่งก็ได้รับโอกาสแล้วก็ได้รับความอนุเคราะห์อย่างสูงจากบริษัทพันธมิตรเช่นกันที่เล็งเห็นถึงความตั้งใจและอุดมการณ์ของทาง KH Academy และได้กรุณาต้อนรับนิสิตนักศึกษาจากโครงการของเรา เข้าไปร่วมฝึกงาน ขออนุญาตนำเสนอรายนามของบริษัทที่เรามีนักศึกษาเข้าไปฝึกงานนะครับ
สำหรับโครงการในปีนี้ KH Academy ขอขอบพระคุณ บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด , บริษัท กุดั่น แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด , บริษัท ทีทีที แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด, บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) , บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) , บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด
จะเห็นได้ชัดว่าบริษัทพันธมิตรที่เข้ามาร่วมในโครงการก็ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มกิจการชั้นนําในแต่ละสายอุตสาหกรรม ก็ต้องขอขอบพระคุณอย่างสูงที่ได้มอบโอกาสให้แก่ทาง KH Academy ได้คัดสรรนิสิตนักศึกษาที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์ แล้วก็เปี่ยมไปด้วยความอยากที่จะเรียนรู้ได้เข้าไปรับมอบประสบการณ์ที่ดีงามจากท่าน” นายบูรพากล่าว
KH Academy บ้านที่อบอุ่นและมีฐานรากมั่นคง
นายบูรพากล่าวย้ำในช่วงท้ายว่า จะยังคงเดินหน้าพิสูจน์ต่อไปแม้ KH Academy จะเป็นบ้านหลังที่ 2 จากรั้วมหาวิทยาลัย และเป็นบ้านหลังที่ 3 จากอ้อมอกที่อบอุ่นของครอบครัว แต่ KH Academy คือบ้านหลังสุดท้ายที่มีความอบอุ่นและมีฐานรากที่มั่นคงเพียงพอในการที่จะสร้างแรงส่ง และฟูมฟักนิสิตนักศึกษาของพวกเราทุกคน ให้ก้าวสู่การเริ่มต้นของชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตลอดจนมีความโดดเด่นในด้านของทักษะ ตรรกะ และวิสัยทัศน์ นั่นแหละครับ ช่วงชีวิตของพวกเราส่วนใหญ่ก็อยู่กับการต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ ซึ่งผมมั่นใจว่าสิ่งที่ KH Academy ได้มอบแล้ว มอบอยู่ และจะมอบต่อไป ให้กับนิสิตนักศึกษาของพวกเราทุกคน คือสารตั้งต้นของการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของพวกเขาทุกคน
อนึ่ง : ค่ายฝึกอบรมเชิงปฏิบัติ KH Camp for Next C-Suite รุ่น 2/2025 ของ KH Academy นักศึกษาจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการปฏิบัติงานร่วมกับผู้บริหารตัวจริง ผลักดันโอกาสเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำ ในสายอาชีพ พร้อมทะยานสู่ความสำเร็จบนแนวคิดด้าน ESG โดยความร่วมมือเป็นพิเศษจากบริษัทพันธมิตรของ KH Academy นักศึกษาจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างและการเรียนรู้ที่มากกว่าโปรแกรมฝึกงานตามปกติ
ในวัน Final Presentation มีคณะอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเป็นกรรมการตัดสินและให้คะแนน ได้แก่ ศ.ดร.สัญญา มิตรเอม คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ผศ.ดร.อรพรรณ ยลระบิล รองคณบดีฝ่ายวิชาการและเครือข่ายพันธมิตร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ผศ.ดร.เอมผกา เตชะอภัยคุณ รองคณบดีฝ่ายบริการวิชาการและวิสาหกิจสัมพันธ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ผศ.ดร.กฤษณ์ ปัทมะโรจน์ หัวหน้าสาขาวิชาบริหารการปฏิบัติการ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,
อาจารย์ ดร.ธนวัฒน์ ตั้งจารุศรีธราธร อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, อาจารย์ ดร.บุษยาศจี พ่วงเงิน อาจารย์ประจำภาควิชาสถิติ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, อาจารย์ชัญญา บุญญวรรณ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : KH Academy สานต่อภารกิจสร้างผู้นำรุ่นใหม่ ภายใต้ ‘ความยั่งยืน’ รับเทรนด์ธุรกิจโลก
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net