แม่ทัพภาค 2 ลั่น! ทำงานถึงวันเกษียณ มั่นใจคนใหม่สานต่องานได้
พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทยและกัมพูชาว่า การรบสมัยใหม่มีความท้าทายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้โดรนที่สามารถโจมตีได้จากหลายทิศทาง ทำให้จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการป้องกันเพื่อความปลอดภัยของกำลังพล ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาจึงมีการติดตั้งลวดหนามและตาข่ายป้องกันบริเวณพื้นที่ตั้งอาวุธจริง ฝ่ายไทยได้รับตาข่ายและอุปกรณ์บางส่วนจากการบริจาคของประชาชน
ซึ่งนำมาใช้เสริมการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบพลีชีพ และยืนยันว่ากองทัพยังเปิดรับบริจาคเพิ่มเติมหากประชาชนประสงค์จะสนับสนุน
เมื่อถูกถามว่าการเปิดรับบริจาคเองอาจกระทบภาพลักษณ์รัฐบาลหรือไม่ พลโทบุญสิน ชี้แจงว่าเรื่องนี้ไม่เคยมีการหารือทางรัฐบาลหรือถูกรัฐบาลท้วงติง เนื่องจากไม่เห็นว่าเป็นปัญหา เปรียบได้กับการบริจาคเสื้อผ้าหรือถุงเท้าให้ทหาร เป็นเรื่องปกติ และแม้งบประมาณจากรัฐบาลจะล่าช้าด้วยข้อจำกัดด้านระเบียบราชการ แต่ก็ยังได้รับการสนับสนุนเพียงพอ ยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพและรัฐบาลไม่มีปัญหา ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง
ในประเด็นการใช้โซเชียลและกระแสชาตินิยม พลโทบุญสิน ฝากถึงอินฟลูเยนเซอร์และผู้ใช้สื่อออนไลน์ว่า อยากให้เผยแพร่ข้อมูลอย่างถูกต้อง อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง และไม่สร้างความแตกแยกในสังคม เตือนว่าการโพสต์ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลกระทบต่อผู้โพสต์เอง จึงควรคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงติดตามสถานการณ์ทุกวัน ทรงพระราชทานกำลังใจแก่กำลังพล และรับทหารบาดเจ็บจากเหตุรบเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์
สำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (RBC) ที่จะจัดปลายเดือนนี้ พลโทบุญสิน เผยว่าได้รับการตอบรับจากฝ่ายกัมพูชา โดยจะมีการหารือกำหนดวาระร่วมกัน หนึ่งในหัวข้อสำคัญคือการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งหากพบว่าฝ่ายกัมพูชาฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวา ไทยจะประท้วงและนำเรื่องสู่การรับรู้ของเวทีสากล รวมถึงยูเอ็นและศูนย์ทุ่นระเบิดนานาชาติ
ในส่วนของการปฏิบัติการลาดตระเวน หลังจากเกิดเหตุทหารเหยียบทุ่นระเบิด มีการปรับมาตรการโดยใช้การตรวจสอบระยะไกล เครื่องมือพิเศษ และโดรนประกอบกับการวางลวดหนาม พร้อมพิจารณาจัดหารองเท้ากันระเบิดให้กำลังพล แม้จะมีข้อจำกัดด้านราคาและเวลา ขณะที่การใช้รถกวาดทุ่นระเบิดมีประโยชน์แต่ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ป่าทึบบางแห่งได้ จึงต้องใช้วิธีอื่นเสริม
เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณปราสาทตาควาย พลโทบุญสิน ยืนยันว่าฝ่ายไทยยังคงควบคุมพื้นที่ ไม่ถอนกำลัง และถือเป็นหลักฐานยืนยันความเป็นเจ้าของของไทย พร้อมหาวิธีทวงคืนพื้นที่ที่เหลือทั้งในเชิงการทูตและวิธีอื่น ๆ สถานการณ์ล่าสุดยังคงเงียบสงบ ต่างฝ่ายต่างตรึงกำลัง ส่วนรายงานว่ากัมพูชาเสริมกำลังถือเป็นเรื่องปกติของกองทัพ และไทยก็มีการเตรียมการตอบโต้เช่นกัน
ในด้านเสบียงอาหาร พลโทบุญสิน เผยว่า ได้สั่งให้ผู้บังคับหน่วยลงพื้นที่ตรวจสอบและแก้ไขทันทีหากพบปัญหาขาดแคลน โดยขอให้กำลังพลแจ้งตรงต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อแก้ไขได้อย่างตรงจุด พร้อมฝากให้ประชาชนชายแดนติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการ เช่น นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือหน่วยความมั่นคง หลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลเท็จที่สร้างความตื่นตระหนก
ทั้งนี้ พลโทบุญสิน กล่าวถึงกระแสการต่ออายุราชการว่า ตนเองจะปฏิบัติหน้าที่จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 และเชื่อมั่นว่าผู้ที่จะมารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ต่อไปมีคุณสมบัติเหมาะสมและจะทำหน้าที่ได้ดี หลังเกษียณยังพร้อมทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ และไม่หวั่นหากถูกกลั่นแกล้งทางกฎหมาย เพราะยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดและพร้อมต่อสู้ทุกรูปแบบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมทหารตาเมือนธม-ตาควาย ส่งกำลังใจแนวหน้า มอบผ้ายันต์หลวงปู่ศิลา
“กองทัพภาคที่ 2” แจงปมขอรับบบริจาคลวดหนามหีบเพลง เผยจำเป็นต้องใช้ด่วน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แม่ทัพภาค 2 ลั่น! ทำงานถึงวันเกษียณ มั่นใจคนใหม่สานต่องานได้
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com