โทเคน “World Liberty” ของตระกูลทรัมป์ร่วงวันแรกในการเทรด
โทเคนดิจิทัลที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีของตระกูลทรัมป์ ภายใต้ชื่อ World Liberty Financial ประสบภาวะมูลค่าลดลงทันทีในวันแรกของการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
โทเคนดังกล่าวซึ่งใช้ชื่อย่อว่า $WLFI ถูกเสนอขายให้แก่นักลงทุนหลังจากตระกูลทรัมป์และพันธมิตรทางธุรกิจได้เปิดตัวโครงการดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นแพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ที่ออกทั้งโทเคนและสเตเบิลคอยน์ควบคู่กันไป
เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม นักลงทุนได้ลงมติให้สามารถซื้อขายโทเคนได้ ซึ่งนับเป็นการปูทางสู่การเปิดตลาดเสรีและอาจเพิ่มมูลค่าการถือครองของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ โดยทาง World Liberty ระบุว่า นักลงทุนกลุ่มแรกสามารถขายได้ไม่เกิน 20% ของการถือครอง
ในการเปิดตลาดวันแรก ราคาซื้อขายเริ่มต้นสูงกว่า 0.30 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ต่อมาราคาปรับลดลงราว 12%อยู่ที่ 0.246 ดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลจาก CoinGecko ณ เวลา 18.40 GMT ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ต่ำกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จัดให้โทเคน $WLFI อยู่ในลำดับที่ 31 ของคริปโตเคอร์เรนซีที่มีการหมุนเวียนมากที่สุด
โทเคนนี้ได้ถูกบรรจุเข้าสู่การซื้อขายในหลายแพลตฟอร์มคริปโตขนาดใหญ่ของโลก อาทิ Binance, OKX และ Bybit
ทั้งนี้ ตั้งแต่การเปิดตัว World Liberty เมื่อปีที่แล้ว ตระกูลทรัมป์สามารถสร้างรายได้ราว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากโครงการดังกล่าว ตามการคำนวณของสำนักข่าวรอยเตอร์สที่อ้างอิงจากข้อกำหนดและเงื่อนไขของบริษัท ข้อมูลธุรกรรมที่ตรวจสอบโดยบริษัทวิเคราะห์คริปโต รวมถึงข้อตกลงที่เปิดเผยต่อสาธารณะ
ในระยะแรก โทเคนไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการซื้อขาย แต่เพื่อมอบสิทธิ์ให้ผู้ถือสามารถลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในธุรกิจ เช่น การปรับแก้รหัสระบบ นักลงทุนกลุ่มแรกชี้ว่าแรงดึงดูดหลักของ $WLFI มาจากการสนับสนุนโดยตรงของตระกูลทรัมป์และความคาดหวังว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นตามชื่อเสียงดังกล่าว
การทำให้โทเคนสามารถซื้อขายได้ในตลาดเสรีเปิดโอกาสให้นักลงทุนกำหนดราคา เก็งกำไร สร้างค่าธรรมเนียมการซื้อขายให้แก่แพลตฟอร์ม และอาจดึงดูดนักลงทุนรายใหม่เข้าสู่ตลาดคริปโตมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจคริปโตของตระกูลทรัมป์ รวมถึง World Liberty ต้องเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสมาชิกพรรคเดโมแครตและผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมการเมือง ที่มองว่าการลงทุนในคริปโตของตระกูลทรัมป์ ขณะที่อดีตประธานาธิบดีกำลังมีบทบาทในการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบที่ควบคุมสกุลเงินดิจิทัล อาจก่อให้เกิด ความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างร้ายแรง
ด้านทำเนียบขาวยืนยันซ้ำหลายครั้งว่า ทรัพย์สินของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้ถูกโอนเข้าสู่ทรัสต์ที่บุตรหลานเป็นผู้จัดการ และยืนยันว่า ไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ใด ๆ