“ชูศักดิ์” แถลงผล ครม. ไร้คุยยุบสภา ถกมอบหมายรองนายกฯตามลำดับ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องที่ 1 ครม.ได้อนุมัติคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ในการมอบหมายหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีเรียงลำดับตามที่จัดลำดับไว้ตั้งแต่ต้น โดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่ง 4 ท่านนี้จะเป็นรองนายกฯที่ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีโดยลำดับ ในกรณีที่นายกฯไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และมอบหมายให้รองนายกฯ รวมถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เหมือนที่เคยปฏิบัติมา
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องที่ 2 ครม.มีมติแต่งตั้งข้าราชการการเมืองเท่าที่จำเป็น คือประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่ประสานงาน รับเอกสารต่างๆ และยังแต่งตั้งนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเหมือนเดิม และรองโฆษกประจำสำนักนายกฯเท่าที่จำเป็น
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ครม.อนุมัติร่างพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งกฎหมายนี้เป็นกฎหมายของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นกฎหมายที่ต้องการส่งเสริมสิทธิประโยชน์ในการให้เครดิตทางด้านภาษี ทำให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ครม.อนุมัติร่างกฎหมายนี้และนำส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อตรวจสอบร่าง เพื่อนำเสนอรัฐสภาต่อไป
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ยังรับทราบข้อห่วงใยของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในการปฏิบัติตามพ.ร.บ.ส่งเสริมพัฒนาคุณภาพคนพิการ พ.ศ.2550 ในอดีตที่ผ่านมากฎหมายฉบับนี้รวมทั้งมติครม. รัฐบาลต้องการให้มีคนพิการเข้าทำงานในหน่วยงานต่างๆตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ ปัจจุบันมีคนพิการ 2,206,343 คน แต่เข้าทำงานอยู่ 10,008 คน จึงมีมติให้ไปจำแนกประเภทคนพิการให้เห็นชัดเจน เพื่อส่งเสริมสนับสนุนคนพิการเหล่านี้ได้ทำงานมากขึ้นตามข้อกำหนด และตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในที่ประชุมได้พูดถึงเรื่องการยุบสภาหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีการพูดถึง มีแต่การประชุมพูดคุยวาระปกติ เมื่อถามอีกว่า ได้มีการขออนุมัติงบฯกลางในหลายรายการเลยใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า มีหลายรายการ เป็นงบที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เช่น เรื่องนมและอาหารของโรงเรียน เป็นต้น