GPSC ส่องมุมมอง 5 โบรก ชี้กำไรแกร่ง-อนาคตโตต่อ

หุ้นวิชั่น - 5 โบรกเกอร์ต่างแสดงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นของ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC หลังจากบริษัทประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน (FX) และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568: กำไรพุ่งเกินคาด

GPSC รายงาน กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 2.02 พันล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 77% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และ 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ผลกำไรที่สูงกว่าที่ตลาดและนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้นี้ มีปัจจัยขับเคลื่อนหลักๆ ดังนี้:

• กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX): การแข็งค่าของเงินบาทส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจำนวนมาก โดยเฉพาะจากเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ของโครงการ CFXD ในไต้หวัน
• ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน: บริษัทร่วมทุนและบริษัทร่วมค้ามีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยเฉพาะ โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี (XPCL) ใน สปป.ลาว ที่มีปริมาณน้ำสูงขึ้นจากปรากฏการณ์ลานีญา และ โครงการ CFXD ที่รับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ Avaada Energy Private Limited (AEPL) ในอินเดียยังมีการรับรู้รายได้ทางภาษีย้อนหลังอีกด้วย
• การบันทึกสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี: มีการบันทึกรายการพิเศษนี้จากการปรับปรุงสัญญาเช่าทางการเงินมูลค่า 190 ล้านบาท และรายได้ทางภาษีย้อนหลังของ Avaada

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเฉพาะ "กำไรจากการดำเนินงานปกติ" (Core Profit) ซึ่งตัดรายการพิเศษออกไป จะอยู่ที่ประมาณ 1.1 - 1.9 พันล้านบาท ซึ่งยังคงเติบโตได้ดีจากไตรมาสก่อนหน้าและปีก่อนหน้า แม้ว่ากำไรขั้นต้นของธุรกิจโรงไฟฟ้าหลัก (IPP และ SPP) จะลดลงจากหลายปัจจัย เช่น การสิ้นสุดสัญญาขายไฟฟ้าของ GSPP3, ต้นทุนถ่านหินที่สูงขึ้นของโรงไฟฟ้า Gheco-one และราคาขายไฟฟ้าที่ลดลงตามค่า Ft

แนวโน้มและปัจจัยที่น่าจับตาในครึ่งปีหลัง

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองตรงกันว่าแนวโน้มผลประกอบการของ GPSC ในช่วงครึ่งหลังของปียังคงแข็งแกร่ง โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญรออยู่:

• กำไรพิเศษจากการขายหุ้น Avaada: GPSC จะรับรู้กำไรพิเศษ (หลังหักภาษี) ประมาณ 800-900 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/2568 จากการขายสัดส่วนการถือหุ้น 3.03% ใน Avaada
• ผลการดำเนินงานของไซยะบุรี: คาดว่าโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีจะสร้างผลกำไรได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นฤดูฝนและเป็นช่วงไฮซีซั่นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ
• ต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลง: แนวโน้มต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลงจะเป็นปัจจัยบวกต่อมาร์จิ้นของกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP)
• ค่าไฟฟ้า (Ft): คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนกันยายน - ธันวาคม 2568 ที่ 3.94 บาทต่อหน่วย ซึ่งแม้จะลดลงเล็กน้อยจากงวดก่อนหน้าที่ 3.98 บาท แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ไว้เดิม ทำให้นักวิเคราะห์มองว่ามาร์จิ้นของ SPP ยังสามารถประคองตัวได้ดีหรือเพิ่มขึ้นได้
• การขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียน: ในระยะยาว GPSC ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการร่วมทุนกับ Avaada ในอินเดีย และมีแผนจะนำ Avaada เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต (Spin-off) ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกมูลค่าที่ซ่อนอยู่

สรุปมุมมองและราคาเป้าหมายจาก 5 โบรกเกอร์

โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมายปี 2568 (บาท) มุมมองสำคัญ Yuanta Securities ซื้อ 39.00 ผลประกอบการไตรมาส 2 และ 3 ที่อยู่ในระดับสูงจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น และมีโอกาสปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้น Krungsri Securities ซื้อ (Buy) 37.00 คาดกำไรเติบโตเฉลี่ย 14% CAGR ในปี 2568-2570 จากทิศทางราคาก๊าซขาลงและส่วนแบ่งกำไรจาก Avaada ที่เพิ่มขึ้น SBI Thai Online ซื้อ 44.50 คาดกำไรปี 2568 เติบโต 34.9% YoY และได้ปัจจัยหนุนจากกำไรพิเศษขายหุ้น Avaada และผลประกอบการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ LH Securities ซื้อ (BUY) 39.00 กำไรไตรมาส 2 แข็งแกร่ง และไตรมาสถัดไปยังมีปัจจัยหนุนจากไซยะบุรีและกำไรพิเศษ KGI Securities Outperform 40.00 ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568-2570 ขึ้น 17-31% และมองว่า 3Q68 จะเป็นจุดสูงสุดของปี

นักวิเคราะห์จากทั้ง 5 โบรกเกอร์มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น GPSC และส่วนใหญ่แนะนำ "ซื้อ" โดยให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ราว 39.90 บาท ผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาสที่ 2 ประกอบกับแนวโน้มเชิงบวกในครึ่งปีหลัง ทั้งจากปัจจัยด้านการดำเนินงานและกำไรพิเศษ ทำให้ GPSC ยังคงเป็นหุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มโรงไฟฟ้า