POP: 26 สิงหาคม วันสุนัขโลก จากหนังสยองขวัญ ‘Good Boy’ สู่กระแสคำถาม “น้องหมาตุยจริงไหม?” และโลก (จริง) ของ Pet Modelling
“ถ้าหมาตาย ฉันไม่ดู!”
เชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยผ่านประสบการณ์ขนหัวลุก จากการชมภาพยนตร์สยองขวัญกันมาบ้างไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง‘The Shining’ (1980) หรือ ‘The Conjuring’ หนังไตรภาคในตำนาน ที่ปัจจุบันกำลังจะมีพิธีกรรมครั้งสุดท้ายออกมาให้คนดูได้สัมผัสความหลอนกันในอีกไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์สยองขวัญส่วนมากที่เราเห็นกันนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการนำเสนอความน่าสะพรึงกลัวผ่าน ‘มุมมองของมนุษย์’ และถึงแม้เราจะเคยเห็นภาพยนตร์สยองขวัญ (ที่ดราม่าเสียมากกว่า) ผ่าน ‘มุมมองของผี’ มาบ้างแล้ว อย่าง ‘A Ghost Story’ (2017) และ ‘Presence’ (2024) ที่เพิ่งเข้าฉายในประเทศไทยบ้านเราไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
แต่จะเกิดอะไรขึ้น หากภาพยนตร์สยองขวัญลองเล่ามุมกลับปรับมุมมอง โดยฉายผ่านเลนส์ ‘มุมมองของสุนัข’ แทน
‘Good Boy’ ผลงานกำกับโดย‘เบน ลีออนเบิร์ก’ (Ben Leonburg) นำแสดงโดยสุนัขของผู้กำกับเอง น้องมีชื่อว่า‘อินดี้’ (Indy) ว่าด้วยเรื่องของสุนัขที่ต้องย้ายไปอยู่บ้านชนบทกับเจ้าของนามว่า ‘ท็อดด์’ (Todd) แต่น้องกลับค้นพบว่ามีพลังเหนือธรรมชาติลึกลับซ่อนอยู่ในเงามืด
ถึงแม้ปัจจุบันตัวภาพยนตร์จะยังไม่มีกำหนดฉายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แต่กระแสวิพากษ์วิจารณ์กลับโด่งดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะเทรนด์การค้นหาบนแพลตฟอร์ม ‘Google’ ที่พุ่งสูงถึง 2,000 เปอร์เซ็นต์ ด้วยคำว่า‘หมาตายใน GOOD BOY หรือไม่?’
จากปรากฏการณ์ของกระแสในครั้งนี้ ดูเหมือนจะเห็นได้เลยว่า พฤติกรรมการชมภาพยนตร์สยองขวัญของผู้บริโภคในปัจจุบัน อาจไม่ได้อินกับหนังสยองขวัญที่มีแต่ ‘ผี’ ‘ปีศาจ’ หรือว่า ‘การจัมพ์สแกร์’ อีกต่อไปแล้ว เพราะการที่หนังมีสารอันทรงพลัง หรือตัวละครที่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมอันเกี่ยวพันถึงผู้ชมได้ มันเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์เสียยิ่งกว่าในยุคนี้
และเนื่องด้วยวันนี้เป็นวันสุนัขโลก วันที่มีไว้เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงการมีอยู่ของน้องหมาบนโลก โดยปราศจากการคำนึงถึงสายพันธุ์และอายุ รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการรับเลี้ยงน้องหมาที่ต้องการบ้าน
วันนี้ BrandThink จึงอยากพาทุกคนมารู้จักการมีอยู่ของ ‘Pet Modelling’ ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์โลก
Pet Modelling คือ การนำสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น สุนัข แมว จระเข้ ม้า หรืออะไรก็ตาม มาแสดงร่วมด้วยในภาพยนตร์ โฆษณา หรือซีรีส์ ซึ่งสัตว์เหล่านี้จะถูกฝึกให้สามารถแสดงพฤติกรรมตามที่ผู้กำกับต้องการได้ เช่น วิ่งเข้ากล้อง การหอน การเห่า กระทั่งการแสดงอารมณ์ผ่านท่าทาง เช่น ก้มหัว ทำตาเศร้า และกระดิกหาง
ยกตัวอย่างภาพยนตร์ที่มีสัตว์จริงๆ อยู่ในฉาก เช่นภาพยนตร์ไทยอย่าง ‘มะหมาสี่ขาครับ’ (2007) หรือ ‘Anatomy of a Fall’ (2023) ภาพยนตร์ไต่สวนที่พาสุนัขพันธุ์บอร์เดอร์คอลลีจากฝรั่งเศส อันเป็นที่รู้จักจากบทบาท‘สนูป’ (Snoop) ไปคว้ารางวัลมากมาย รวมถึงรางวัล ‘Palm Dog Award’ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปี 2023 อีกด้วย
แต่รู้หรือไม่ว่า ในภาพยนตร์บางเรื่อง ผู้กำกับไม่ได้ตัดสินใจนำสัตว์มาร่วมแสดงด้วยจริงๆ หากแต่ใช้เทคโนโลยีCG ในการรังสรรค์ขึ้นมาล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็น‘Strays’ (2023) ภาพยนตร์สายคอเมดีที่เพิ่งนำเข้าฉายให้รับชมบนสตรีมมิง‘Netflix’ เมื่อไม่นานมานี้ หรือล่าสุดน้องคริปโตในมหากาพย์ DC อย่าง ‘Superman’ (2025)
ทั้งนี้การใช้ CG เพื่อสร้างภาพของสัตว์นั้น ถึงแม้จะช่วยลดความเสี่ยงในด้านอันตรายที่อาจเกิดต่อสัตว์ได้ แต่ก็มักจะถูกผู้ชมวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอว่าหนังขาด ‘ความสมจริง’
ผู้สร้างภาพยนตร์ในช่วงหลังจึงเริ่มหันมาให้ความสนใจที่จะนำ ‘สัตว์นักแสดง’ มาเป็นนักแสดงบนหน้าจอกันมากขึ้น แต่อุปสรรคที่พ่วงมาด้วยของการนำสัตว์มาเข้าร่วมฉาก คือสัตว์ไม่สามารถคาดเดาพฤติกรรมได้ จึงอาจทำให้เกิดเหตุฉุกเฉินในเรื่องของการจัดการเวลาภายในกองถ่ายอยู่เสมอ
โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายในกองถ่ายที่สูง เนื่องจากต้องมีครูฝึกหรือทีมดูแลที่ชัดเจน รวมถึงในต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ต้องมีองค์กรอย่าง ‘สมาคมอเมริกันเพื่อความเป็นธรรมต่อสัตว์’ (American Humane Association) เข้ามากำกับดูแล เพื่อมิให้สัตว์เกิดการบาดเจ็บอีกด้วย ดังนั้นแล้วเราจึงจะเห็นประโยคนี้อยู่บ่อยครั้ง
“No Animals were Harmed” หรือ “สัตว์ทุกตัวปลอดภัยตลอดการถ่ายทำ”
ประโยคที่ต้องใส่เข้ามาในเครดิตตอนจบของภาพยนตร์เสมอ เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับผู้ชม และแสดงถึงการมีความรับผิดชอบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ที่นำมาเข้าฉาก
แต่ถึงแม้ผู้คนจะเริ่มหันมาให้ความสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยของสัตว์ทุกชนิดแล้ว ปัจจุบันก็ยังมีผู้สร้างภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือโฆษณาบางส่วนที่ยังมองข้ามความสำคัญ ณ จุดนี้ไปอยู่
ยกตัวอย่างเหตุการณ์ในช่วงปีที่ผ่านมา เชื่อว่าทุกคนน่าจะพอเห็นข่าวผ่านตามาบ้าง ว่าละครไทยเรื่องหนึ่งได้สร้างความสะเทือนใจแก่ผู้ชม จากฉากที่ตัวละครหนึ่งในเรื่องได้กังวลว่าน้ำชาอาจมีพิษ จึงให้พี่เลี้ยงทดลองให้แมวดำดื่มน้ำชาเพื่อเป็นเครื่องตรวจสอบก่อน และผลปรากฎว่าแมวเกิดอาการชักกระตุกอย่างน่ากลัว และสลบไป เสมือนจริงจนผู้ชมพากันตกอกตกใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์เริ่มหนักขึ้น กรมปศุสัตว์จึงได้เรียกตรวจสอบข้อเท็จจริง และผลสรุปออกมาว่า เบื้องหลังได้มีการกระทำทารุณกรรมต่อสัตว์จริงๆ ด้วยวิธีการ ‘วางยาสลบแมว’ เพื่อสร้างความสมจริงในฉากที่น้องแมวต้องชักเกร็งจนแน่นิ่ง
สุดท้าย แม้ว่าอุตสาหกรรมPet Modelling จะยังมีความสำคัญในปัจจุบันมาก เพราะไม่ว่าเทคโนโลยี CG จะก้าวไกลขนาดไหน แต่ ‘ความรู้สึก’ จากสัตว์ที่มีชีวิตจริงก็ยังคงมีพลังในการสื่ออารมณ์มากกว่า รวมถึงในด้านของการตลาดอีกด้วย เพราะภาพยนตร์ที่มีสัตว์แสดงนำ มักจะโปรโมตได้ง่ายกว่าภาพยนตร์ที่ใช้สัตว์ในรูปแบบ CG
และไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เราควรที่จะให้ความสำคัญกับสัตว์ทุกชนิดไม่ต่างจากเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก เพราะเขาเองก็มีชีวิตไม่ต่างกับมนุษย์อย่างพวกเรา พวกเขามีความรู้สึก มีหัวใจและจิตวิญญาณ เราผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้สร้างชิ้นงานภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือโฆษณา ไม่ควรมองพวกเขาเป็นเพียงแค่ความบันเทิงที่โลดแล่นอยู่บนหน้าจอ แต่ควรมองว่าพวกเขาเป็นนักแสดงอีกหนึ่งชีวิตที่มีค่าในอุตสาหกรรมบันเทิงไม่แพ้มนุษย์เช่นกัน