อีลอน มัสก์ เปิดศึกกฎหมาย ฟ้อง Apple–OpenAI ฐานฮั้วผูกขาดตลาด
สองบริษัทในเครือ Elon Musk ยื่นฟ้อง Apple และ OpenAI ต่อศาลสหรัฐฯ กล่าวหาสมคบคิดกีดกันการแข่งขัน หลังแอปเปิลจับมือบูรณาการ ChatGPT เข้าระบบปฏิบัติการมือถือแบบเอ็กซ์คลูซีฟ สะเทือนตลาด AI มูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ฟาก OpenAI โต้กลับว่าเป็นเพียง “พฤติกรรมคุกคาม” ของมัสก์ขณะที่ศึกนี้สะท้อนความขัดแย้งส่วนตัวระหว่าง มัสก์-อัลแมน ที่บานปลายสู่สมรภูมิทางธุรกิจ
X และ xAI - ลั่นกลองรบฟ้องใหญ่กลางศาลสหรัฐ
บริษัท X และ xAI ที่มี อีลอน มัสก์ หนุนหลัง ได้ยื่นฟ้อง Apple และ OpenAI ต่อศาลรัฐบาลกลางรัฐเท็กซัส กล่าวหาว่าทั้งสองบริษัทร่วมกัน “ผูกขาดทางการค้า” ผ่านดีลปี 2567 ที่แอปเปิลนำแชตบอต ChatGPT AI ฝังลงในระบบปฏิบัติการ iPhone และ iPad แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งทำให้คู่แข่งอื่นไม่สามารถเข้าถึงตลาดเดียวกันได้
ขณะที่ในคำฟ้องชี้ว่า “ไม่มีเหตุผลทางธุรกิจที่ชอบธรรม” สำหรับดีลผูกขาดนี้ แต่ผลลัพธ์คือ OpenAI ได้เปรียบมหาศาล ทั้งจากการเข้าถึงข้อมูล Prompt และกิจกรรมของผู้ใช้ iPhone หลายล้านราย รวมถึงการได้ตำแหน่งโดดเด่นใน App Store ซึ่งช่วยดันยอดดาวน์โหลด ChatGPT สูงกว่าคู่แข่งเจนเอไอรายอื่นอย่างชัดเจน
มัสก์ - อัลท์แมน จากผู้ก่อตั้งร่วมสู่คู่ความขัดแย้ง
มัสก์ และ อัลท์แมน เคยร่วมก่อตั้ง OpenAI ในปี 2558 ด้วยวิสัยทัศน์เพื่อสาธารณะ แต่ความสัมพันธ์แตกหักเมื่อมัสก์กล่าวหา อัลท์แมน ว่าพา OpenAI เบี่ยงเบนจากพันธกิจเดิม กลายเป็นองค์กรที่เน้นเชิงพาณิชย์มากเกินไป ขณะที่มัสก์เดินหน้าสร้างอาณาจักร AI ของตนเอง ทั้ง xAI และแชตบอต Grok เพื่อต่อกรกับ ChatGPT โดยตรง
การยื่นฟ้องครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ประเด็นกฎหมายการแข่งขัน แต่ยังสะท้อน “ศึกศักดิ์ศรี” ระหว่างสองขั้วผู้ทรงอิทธิพลในโลก AI
ข้อกล่าวหาหลัก กีดกันการแข่งขัน–ทำลายการพัฒนา
X และ xAI ระบุในคำฟ้องว่า ข้อตกลง Apple–OpenAI ได้ “ปิดประตู” ให้แชตบอทรูปแบบอื่นขาดโอกาสแข่งขัน ส่งกระทบต่อตลาด AI ได้แก่
1.การพัฒนาคุณภาพและนวัตกรรมในตลาดลดลง
2.คู่แข่งขาดโอกาสสร้างฐานผู้ใช้งานขนาดใหญ่
3.OpenAI และ Apple สามารถคงสถานะ “กึ่งผูกขาด” ของตนต่อไป
ทั้งนี้ในคำฟ้องยังชี้ว่า OpenAI ครองส่วนแบ่งตลาดแชตบอตสหรัฐฯ ถึง 80% ขณะที่ Apple ครองตลาดสมาร์ทโฟนกว่า 65% ซึ่งการจับมือกันเช่นนี้จึงมีผลสะเทือนร้ายแรงต่อการแข่งขันอย่างเสรี
Apple–OpenAI สวนกลับ มัสก์ ย้ำไม่ได้เอื้อประโยชน์เกินควร
ด้าน Apple แม้จะยังไม่ออกมาให้ความเห็นต่อคำฟ้อง แต่ก่อนหน้านี้บริษัทเคยยืนยันว่าแนวทาง App Store ของตน “ยุติธรรมและปราศจากอคติ” อีกทั้งคู่แข่งอย่าง DeepSeek และ Perplexity ก็สามารถไต่อันดับท็อปชาร์ต App Store ได้หลายครั้งตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นมา ส่วน OpenAI โต้กลับทันทีว่า การฟ้องร้องเป็น “ส่วนหนึ่งของพฤติกรรมคุกคามต่อเนื่องของมัสก์”
อย่างไรก็ตามในรายงานยังเผยว่า Apple เคยเปิดโต๊ะเจรจากับ Google เพื่อนำแชตบอต Gemini AI มาเสริมศักยภาพผู้ช่วยเสียง Siri สะท้อนว่าแอปเปิลไม่ได้ผูกขาดเพียงรายเดียว
สงครามชิงพื้นที่ AI ที่เดิมพันสูงกว่าการค้า
คดีฟ้องร้องครั้งนี้ไม่ใช่แค่การชี้ขาดกฎหมายผูกขาด หากแต่เป็นจุดทดสอบสมดุลอำนาจในอุตสาหกรรม AI ที่กำลังกลายเป็น “โครงสร้างพื้นฐานใหม่” ของเศรษฐกิจโลก หาก มัสก์ ชนะคดี อาจเปิดช่องให้คู่แข่งเจนเอไอรายเล็กแทรกตัวขึ้นมาได้ แต่หาก Apple–OpenAI รอดตัว ก็เท่ากับตอกย้ำบทบาทของ Big Tech ที่สามารถกำหนดทิศทางตลาดอนาคตได้แทบเบ็ดเสร็จ
อย่างไรก็ตามไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ศึกครั้งนี้คือ “สงครามเย็น AI” ที่สะท้อนให้เห็นชัดว่า เทคโนโลยีไม่ใช่แค่เรื่องนวัตกรรม แต่คือการเมือง เศรษฐกิจ และการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในศตวรรษที่ 21
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO