SMEs ไทย "ใกล้ดับ" วุฒิสภา เสนอ "พิมพ์เขียว" กอบกู้วิกฤต
นายโสภณ มะโนมะยา รองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา แถลงผลการศึกษา ที่ระบุว่าคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ติดตามผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และพบว่าผู้ประกอบการ SMEs ของไทยกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตอย่างหนัก เพราะต้องแข่งขันกับคู่แข่งต่างชาติที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลของตนเอง และใช้ช่องว่างทางกฎหมายของไทยเข้ามาแย่งชิงตลาด ทำให้ความสามารถในการแข่งขันและการอยู่รอดของผู้ประกอบการไทยลดลงอย่างรุนแรง ส่งผลให้หลายธุรกิจต้องปิดตัวลง
ด้านนายพรชัย วิทยเลิศพันธุ์ รองเลขานุการคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ผลการศึกษาได้ถูกจัดทำเป็น "พิมพ์เขียวเพื่อพลิกสถานการณ์" ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญหลายด้าน ได้แก่ มาตรการเยียวยาทางการค้า (Trade Remedies), การควบคุมการนำเข้าสินค้าออนไลน์ราคาถูกและไร้มาตรฐาน, การป้องกันธุรกิจนอมินี และการจัดระเบียบตลาด E-commerce เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้อย่างเท่าเทียมบนแพลตฟอร์มออนไลน์
ขณะที่ นายนิรัตน์ อยู่ภักดี ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการวิเคราะห์และข้อเสนอแนะทั้งหมดนี้มาจากการจัดสัมมนาในหัวข้อ "ปลดล็อกศักยภาพ SMEs ไทยสู่เวทีการค้าที่เป็นธรรม" ที่คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ โดยคณะอนุกรรมาธิการติดตามความร่วมมือระหว่างประเทศด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และแรงงานของไทย ซึ่งมีนายโสภณ เป็นประธานคณะอนุฯ ได้จัดขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน
"ข้อมูลที่ได้จะถูกนำเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภาเพื่อผลักดันให้เป็นนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาของผู้ประกอบการของไทย" นายนิรัตน์กล่าว
นายนิรัตน์ยังกล่าวย้ำว่า SMEs เป็นกลไกสำคัญของเศรษฐกิจ คิดเป็นกว่า 99% ของวิสาหกิจทั้งหมด และสร้าง GDP ประมาณหนึ่งในสามของประเทศ ดังนั้น การแก้ไขปัญหานี้จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถก้าวผ่านภาวะวิกฤตนี้ไปได้