ไทยออยล์ โชว์Q 2 กำไรพุ่งแตะ 6,476 ล้านบาท หวั่นครึ่งปีหลังค่าการกลั่นวูบ
ไทยออยล์ เผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2568 ภาพรวมดีขึ้น มีกำไรสุทธิ 6,476 ล้านบาท หรือ 2.90 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2,972 ล้านบาทจากไตรมาส 1 ปี 2568มาจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวสูงขึ้น คาดครึ่งปีหลังธุรกิจโรงกลั่นมีค่าการกลั่นปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2568 กลุ่มไทยออยล์ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตที่ไม่รวมผลการขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 7.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 5.4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปทุกชนิดกับน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันเบนซินได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในช่วงฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐอเมริกา ประกอบกับราคาน้ำมันเตาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากอุปสงค์การผลิตกระแสไฟฟ้าในภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชียใต้ ส่วนราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานปรับตัวเพิ่มขึ้นจากอุปทานที่ตึงตัวเนื่องจากโรงกลั่นในสหรัฐและยุโรปปิดตัวลง
นอกจากนี้ กำไรขั้นต้นของธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และธุรกิจผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานปรับตัวสูงขึ้นจากอุปทานที่ตึงตัวเนื่องจากการปิดซ่อมบำรุง ในขณะที่กำไรขั้นต้นของธุรกิจผลิตสารอะโรเมติกส์ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากอุปทานสารเบนซีนที่อยู่ในระดับสูงเนื่องจากการส่งออกจากภูมิภาคเอเชียไปยังสหรัฐอเมริกาไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ รวมทั้งอุปสงค์สารเบนซีนยังคงถูกจำกัดเนื่องจากผู้ผลิตสารปลายน้ำปิดซ่อมบำรุงประจำปี
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้คลายความกังวลในเรื่องอุปทานที่ตึงตัวหลังจากอิสราเอลและอิหร่านบรรลุข้อตกลงหยุดยิงภายในระยะเวลา 12 วัน นับจากวันที่เริ่มมีการโจมตี ทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในไตรมาส 2 ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับกลุ่มโอเปกพลัสทยอยยกเลิกมาตรการปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้มีอุปทานเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์รับรู้ผลการขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันจำนวน 4,171 ล้านบาท แต่กลุ่มไทยออยล์ ได้รับรู้กำไรพิเศษจากการซื้อคืนหุ้นกู้จำนวน 2,522 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมของบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (ซึ่งกลุ่มไทยออยล์ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 15) จากการซื้อกิจการของบริษัท Aster Chemical and Energy Pte. Ltd. ในสิงคโปร์ ประมาณ 7,062 ล้านบาท ทำให้กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 6,476 ล้านบาท หรือ 2.90 บาทต่อหุ้น ปรับเพิ่มขึ้น 2,972 ล้านบาทจากไตรมาส 1 ปี 2568 และสูงขึ้นเมื่อเทียบไตรมาส2/2567ที่มีกำไรสุทธิ 5,547ล้านบาท
ส่วนงวด 6เดือนแรกปีนี้บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 9,979ล้านบาทลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ11,410ล้านบาท
นายบัณฑิต กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจโรงกลั่นในไตรมาส 3 และ 4 ปี 2568 มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากธุรกิจการกลั่นยังได้รับแรงสนับสนุนจากอุปทานที่ถูกจำกัดเนื่องจากโรงกลั่นในสหรัฐและยุโรปปิดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อุปสงค์น้ำมันอากาศยานและน้ำมันดีเซลยังอยู่ในระดับที่ดี ธุรกิจสารอะโรเมติกส์คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยอุปสงค์จะปรับตัวสูงขึ้นจากโรงผลิตสารปลายน้ำเปิดใหม่และความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำในช่วงสิ้นปี ในขณะที่ธุรกิจผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานคาดการณ์ว่าจะปรับตัวดีขึ้นเช่นกันจากอุปทานที่ถูกจำกัดเนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงผลิตน้ำมันหล่อลื้นพื้นฐานกลุ่มที่ 1 และธุรกิจตลาดสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดคาดการณ์ว่าจะยังคงถูกกดดันจากอุปทานที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงความต้องการในภูมิภาคที่มีแนวโน้มลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
ทั้งนี้ ไทยออยล์ จะยังคงติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับกลยุทธ์และแผนการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมั่นคง
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO