"ดร.ปณิธาน" ชี้ผู้นำไทยต้องเข้าใจสงครามเบ็ดเสร็จ ตระหนักว่า "We Are at War" ถ้าอยากไปถึงสันติภาพ
วันที่ 13 ส.ค..68 รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง และการต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Panitan Wattanayagorn ระบุว่า…
จะมีอะไรตามมาอีก: ทุ่นระเบิด จรวด โดรน นักรบไซเบอร์ ข่าวปลอม และพันธมิตรระดับโลก - สงครามเบ็ดเสร็จสไตล์กัมพูชา (The Total War, Cambodian Style)*
1. ศาสตราจารย์ Mara Karlin ของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins สหรัฐอเมริกา ระบุว่าศักราชใหม่ของสงครามแบบรอบด้าน (Comprehensive Conflict) ได้เริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ. 2022 เมื่อรัสเซียเปิดศึกบุกยูเครน เป็นการกลับมาของสงครามแบบเบ็ดเสร็จ (Total War) คล้ายๆ กับสงครามใหญ่ในอดีต
2. สงครามแบบเบ็ดเสร็จหรือรอบด้านในปัจจุบันหมายถึง การระดมทรัพยากรหรือสรรพกำลังต่างๆ ในทุกด้าน เช่น อาวุธ กำลังคน กำลังเงิน พลังสังคม พันธมิตรและนานาชาติ มาใช้ในการรบ โดยผู้นำจะให้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องนี้เหนือกิจกรรมอื่นๆ และจะโจมตีทุกเป้าหมายของศัตรูในทุกโอกาสที่อำนวย แต่จะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และตลาดเสรีที่เปิดกว้าง เป็นตัวช่วยเพิ่มความได้เปรียบหากต้องรบกับประเทศที่ใหญ่กว่าหรือแข็งแรงกว่า
3. ตัวอย่างของยูเครนที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับรัสเซียได้นานถึงกว่า 3 ปี หรือของหลายกลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลาง ที่สามารถล้มรัฐบาลได้หลายรัฐบาล หรือต่อสู้กับอิสราเอลได้อย่างไม่มีแนวโน้มว่าจะยุติลงง่ายๆ หรือของกลุ่มฮูตีในทะเลแดงที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน สามารถคุกคามกองเรือรบที่ทันสมัยของทุกชาติได้ ไม่เว้นแม้แต่สหรัฐฯ หรือชาติตะวันตกที่มีศักยภาพเหนือกว่ามาก ทั้งหมดนี้ เป็นตัวอย่างของสงครามที่เปลี่ยนแปลงไป มีความเชื่อมโยง ซับซ้อน และยาวนานมากขึ้นในศักราชนี้ (The Continuum of Conflicts)
4. กองทัพกัมพูชา หรือกองกำลังติดอาวุธตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา หรือแม้แต่กลุ่มก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) ก็คงจะใช้แนวทางเบ็ดเสร็จแบบเดียวกันหากต้องการได้เปรียบในการต่อสู้กับไทย ซึ่งก็จะทำให้ความขัดแย้งเดิม ทั้งรอบบ้านทั้งตามแนวชายแดนของเรา กลายเป็นสงครามที่ยืดเยื้อและยาวนาน และทั้งหมดนี้ ก็ขึ้นอยู่กับผู้นำของกัมพูชา หรือของกลุ่มต่างๆ ที่จะดำรงความมุ่งหมายในการทำสงครามกับไทยได้นานเท่าไร
5. ในส่วนของไทย โดยพื้นฐานและศักยภาพ มีความได้เปรียบเพื่อนบ้านหรือกองกำลังติดอาวุธตามแนวชายแดน หรือกลุ่มก่อความไม่สงบในจชต.แทบทุกประการ แต่หลายฝ่ายก็ยังสงสัยว่าทำไมไม่สามารถเอาชนะหรือลดความเสียเปรียบในสมรภูมิจริงได้มากนัก
คำตอบอยู่ที่ว่า ผู้นำของไทยหรือผู้ที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ เข้าใจความขัดแย้งสมัยใหม่หรือสงครามแบบเบ็ดเสร็จแค่ไหน และที่สำคัญที่สุดคือ ผู้นำของเราตระหนักจริงหรือว่า "We are at war" เพราะถ้าเข้าใจแล้วว่าประเทศอยู่ในสภาวะสงคราม ก็จะสามารถนำพาเราไปสู่ Peace หรือสันติภาพได้ เพราะ "War and Peace" นั้น เป็นเรื่องเดียวกัน เพียงแต่อยู่คนละด้านของเหรียญเท่านั้น