เบื้องหลัง ขบวนรถไฟ ใน “All Quiet on the Western Front” ที่ฮิตเลอร์คิดแก้แค้นฝรั่งเศส
เบื้องหลัง ขบวนรถไฟ ใน “All Quiet on the Western Front” ที่ฮิตเลอร์คิดแก้แค้นฝรั่งเศส
ผ่านไปแล้วสำหรับเวที OSCAR 2023 ซึ่งภาพยนตร์สัญชาติเยอรมันอย่าง “All Quiet on the Western Front” กวาดไปถึง 4 รางวัล ภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม ถ่ายภาพยอดเยี่ยม ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม และดนตรีประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยม
All Quiet on the Western Front เล่าถึงสถานการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 ผ่านมุมมองของทหารเยอรมันในแนวรบด้านตะวันตก (ในดินแดนฝรั่งเศส) ที่ใครได้ชมต่างก็ต้องสัมผัสได้ถึง “ราคาที่ต้องจ่าย” ของสงคราม และคงตกตะกอนได้ถึงสิ่งที่ภาพยนต์ต้องการจะสื่อ นั่นคือ การต่อต้านสงคราม
แม้จะเป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนวนิยายภาษาเยอรมันของ Erich Maria Remarque แต่โครงเรื่องก็มีเค้าความจริงทางประวัติศาสตร์ ฉากหนึ่งที่สำคัญมากในภาพยนตร์เรื่องนี้คือ เหตุการณ์การเจรจาสงบศึกบนรถไฟระหว่างเยอรมนีกับฝรั่งเศส ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อไปยังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในอีกหลายปีต่อมา
ในช่วงท้ายของสงครามครั้งที่ 1 เยอรมนีต้องการเจรจาสงบศึกกับฝรั่งเศส เพราะสถานการณ์ในภาพรวมของสงครามนั้นบีบคั้นให้เยอรมนีต้องยอมยกธงขาว ดังที่ภาพยนตร์ฉายให้เห็นว่า Matthias Erzberger (รับบทโดย Daniel Brühl) ตัวแทนของเยอรมนี ต้องการลงนามข้อตกลงสงบศึกระหว่างสองฝ่าย แต่ General Ferdinand Foch (รับบทโดย Thibault de Montalembert) นายพลของฝรั่งเศสกลับไม่ได้มีท่าที “เป็นเดือดเป็นร้อน” มากนัก เพราะเขาต้องการให้เยอรมนีรับข้อเสนอที่ฝรั่งเศสเป็นผู้กำหนด ซึ่งเป็นการยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข
ในการเจรจาสงบศึกครั้งนี้เกิดขึ้นบนรถไฟขบวนหนึ่ง ในบริเวณป่ากงเปียญ (Compiègne) ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส เดิมทีรถไฟขบวนนี้ถูกใช้งานโดยบริษัท Compagnie Internationale des Wagons-Lits ของเบลเยียม ซึ่งเป็นบริษัทที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในการให้บริการรถไฟสาย Orient Express ที่หรูหรา เส้นทางหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอดนิยมคือ ปารีส-อิสตันบูล
ตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 รถไฟขบวนนี้ถูกปรับมาใช้เป็นรถขนส่งเสบียง กระทั่ง ค.ศ. 1918 กองทัพฝรั่งเศสได้ปรับปรุงให้เป็นกองบัญชาการเคลื่อนที่ของ General Ferdinand Foch
การเจรจาสงบศึกระหว่างเยอรมนีกับฝรั่งเศส มีขึ้นระหว่าง 8-11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 บนขบวนรถไฟกลางป่ากองเปียญ ทว่า ตลอด 3 วันของการเจรจากลับไร้ผลที่น่าพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย แต่ในที่สุดเยอรมนีก็ยอมลงนามข้อตกลงสงบศึก วันที่ 11 พฤศจิกายน ซึ่งถือเป็นวันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1
หลังสงครามโลกยุติ รถไฟขบวนนี้กลับมาให้บริการในช่วงสั้น ๆ ในฐานะภัตตาคารสุดหรู อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดความตระหนักว่ารถไฟขบวนนี้เป็นชิ้นส่วนสำคัญทางประวัติศาสตร์ บริษัทผู้ให้บริการจึงตัดสินใจบริจาคขบวนรถไฟให้กับพิพิธภัณฑ์กองทัพฝรั่งเศสในกรุงปารีส และจัดแสดงอยู่ที่นั่นจนถึง ค.ศ. 1927 กระทั่งเมื่อนายกเทศมนตรีเมืองกองเปียญขอให้ย้ายไปยังพื้นที่เดิมที่เคยมีการเจรจาสงบศึก และจะสร้างที่นั่นเป็นอนุสรณ์สถานของการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 เรียกว่า “Glade of the Armistice”
แต่รถไฟขบวนนี้ และการลงนามข้อตกลงสงบศึกที่ป่ากองเปียญ สำหรับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) และชาวเยอรมันจำนวนมาก ต่างก็ถือเป็นการทรยศและเป็นความอัปยศอดสูของชาติ
ล่วงเข้าสู่ ค.ศ. 1939 เป็นเวลา 21 ปีหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ฮิตเลอร์ ก่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงเวลาเพียงไม่นาน กองทัพเยอรมนีก็พิชิตฝรั่งเศสอย่างราบคาบ
ฮิตเลอร์เดินทางมายัง Glade of the Armistice เขาเห็นอนุสาวรีย์นกอินทรีอิมพีเรียลของเยอรมันถูกแทงด้วยปลายดาบ (อนุสาวรีย์สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1927) เขาเห็นรูปปั้นของ General Ferdinand Foch และเห็นขบวนรถไฟที่ใช้ลงนามข้อตกลงสงบศึก เหล่านี้คงสุมไฟความแค้นในตัวฮิตเลอร์ไม่น้อย
และในวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1940 การลงนามข้อตกลงสงบศึกระหว่างเยอรมนีกับฝรั่งเศสก็มาถึง ฮิตเลอร์สั่งให้เคลื่อนรถไฟลงราง และลากมาไว้ในตำแหน่งเดิมเหมือนเมื่อสงครามโลกครั้งก่อน เขาตั้งใจให้การลงนามมีรูปแบบเช่นเดิม แต่คราวนี้กลับกันตรงที่เขานั่งในตำแหน่งที่ General Ferdinand Foch เคยนั่ง ในฐานะผู้ชนะสงคราม จากนั้นฝรั่งเศสก็ลงนามยอมจำนนต่อจักรวรรดิไรช์ที่สาม
ฮิตเลอร์เจาะจงเลือกสถานที่เดิมและรถไฟขบวนเดิม เพื่อหมิ่นเกียรติกองทัพฝรั่งเศส เป็นการแก้แค้นเชิงสัญลักษณ์ต่อความสูญเสียของเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 1
ภายหลัง นาซีเยอรมันรื้อทำลายอนุสรณ์สถานแห่ง Glade of the Armistice แทบทั้งหมด คงเหลือแต่เพียงรูปปั้นของ General Ferdinand Foch ยืนเด่นเป็นสง่า คาดว่าที่ฮิตเลอร์เลือกไม่ทำลายอนุสาวรีย์นี้ เพราะต้องการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่านายพลฝรั่งเศสกำลังยืนตระหง่านอยู่บนอนุสรณ์สถานที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่เฉลิมฉลองชัยชนะในสงครามโลกของฝรั่งเศส แต่ ณ ช่วงเวลานี้กลับกลายเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าไปเสียแล้ว
ช่วงเวลาต่อมา ขบวนรถไฟถูกนำไปจัดแสดงที่ Lustgarten สวนสาธารณะขนาดใหญ่ในกรุงเบอร์ลิน จวบจนถึง ค.ศ. 1945 ขบวนรถไฟก็ยังรอดพ้นจากการระเบิดถล่มเมืองด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร อย่างไรก็ตาม เมื่อกองทัพศัตรูเริ่มรุกเข้าดินแดนมาตุภูมิ นาซีเยอรมันจึงตัดสินใจย้ายขบวนรถไฟออกไปนอกเมืองเพื่อความปลอดภัย
ขบวนรถไฟถูกนำไปพักไว้ที่เมือง Ohrdruf ในรัฐ Thuringia ซึ่งได้รับการคุ้มกันโดยคนจากหน่วยเอสเอส (SS-Schutzstaffel) กระทั่งเมื่อทหารอเมริกันบุกเข้ามาประชิดเมือง หน่วยเอสเอสจึงตัดสินใจว่ารถไฟขบวนนี้ไม่ควรตกไปอยู่ในมือของศัตรู ซึ่งอาจจะถูกนำไปใช้สำหรับการลงนามสงบศึกที่น่าอัปยศอดสูอีกครั้ง ดังนั้น พวกเขาจึงทำลายมันทิ้งเสีย
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติ ใน ค.ศ. 1950 Glade of the Armistice ได้รับการบูรณะให้กลับมาสมบูรณ์เช่นเดิม สำหรับขบวนรถไฟแม้จะถูกทำลายแต่ยังเหลือเศษซากอยู่บ้าง บริษัท Compagnie Internationale des Wagons-Lits จึงบริจาครถไฟขบวนใหม่ (รหัส 2439D) ที่มีลักษณะการออกแบบเหมือนกับขบวนเดิม (รหัส 2419D) อย่างกับฝาแฝด ตั้งแต่ผิวไม้ขัดเงาไปจนถึงเก้าอี้บุหนังติดกระดุม มาทำเป็นอนุสรณ์รำลึก รวมถึงจัดแสดงสิ่งของดั้งเดิมที่หลงเหลืออยู่ เช่น ปากกาที่ใช้ลงนามสงบศึก และที่เขี่ยบุหรี่ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่ในเหตุการณ์การลงนามข้อตกลงสงบศึกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918
นี่คือประวัติศาสตร์ (ส่วนหนึ่ง) เบื้องหลังภาพยนตร์ All Quiet on the Western Front ซึ่งเชื่อมโยงสงครามโลกทั้งสองครั้งไว้ด้วยรถไฟหนึ่งขบวน
อ่านเพิ่มเติม :
- เรื่องจริงเบื้องหลังหนัง 1917 ภารกิจในสงครามโลกครั้งที่ 1 ของทหารกล้าลุยในแดนศัตรู
- บันทึกทหารไทยในฝรั่งเศส เมื่อ WW2 ปะทุ ฝรั่งเศสแพ้ยับเพราะ “มุ่งหาความสุขสบาย” ?
อ้างอิง :
https://www.history.co.uk/article/the-compi%25C3%25A8gne-wagon-one-train-carriage-two-peace-treaties
https://www.wearethemighty.com/mighty-history/world-war-rail-car-armistice/
https://www.imdb.com/title/tt1016150/
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 14 มีนาคม 2566
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เบื้องหลัง ขบวนรถไฟ ใน “All Quiet on the Western Front” ที่ฮิตเลอร์คิดแก้แค้นฝรั่งเศส
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com