ศาลไต่สวนแพทย์ รพ.ตำรวจ คดี ‘ทักษิณ’ชั้น 14 ‘ชาญชัย’ แฉใบเสร็จไร้ค่ายา
คดีบังคับโทษ “ทักษิณ” เข้าสู่การไต่สวนรอบที่ 5 แพทย์ รพ.ตำรวจยืนยันรักษาตามจรรยาบรรณ แจงเหตุอยู่ชั้น 14 นานเพราะมีอาการแทรกซ้อน – “ชาญชัย” แฉใบเสร็จไร้ค่ายา แฉผู้เกี่ยวข้องอาจให้การเท็จต่อศาล เตรียมงัดหลักฐานใหม่สู้ – 30 ก.ค. ศาลให้ “วิษณุ เครืองาม” ขึ้นไต่สวน
18 กรกฎาคม 2568 - ที่ศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน ศาลนัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 กรณีตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 5
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ กล่าวว่าวันนี้เป็นการสืบพยานแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ รวม 6 ราย มีทั้งแพทย์ใหญ่ปัจจุบัน อดีตแพทย์ใหญ่ และทีมรักษา โดยจะมีการนำเวชระเบียนและประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศเข้าสู่การไต่สวนต่อหน้าศาล พร้อมตั้งคำถามไว้ล่วงหน้าเพื่อขอความชัดเจนในข้อเท็จจริง
ขณะเดียวกัน นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลของนายทักษิณ ตั้งแต่ 4 ก.ย. 66 ถึง 19 ก.พ. 67 รวม 26 รายการ ยอดรวม 2,475,276 บาท มาเปิดเผยต่อสื่อ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าค่ารักษามีเพียงค่าสารอาหาร 150 บาท ค่าห้องประมาณ 140,000 บาท แต่ไร้ค่ายา จึงตั้งคำถามว่า “ป่วยวิกฤติจริงหรือไม่”
นายชาญชัย ย้ำว่าเอกสารดังกล่าวไม่ใช่เวชระเบียน เป็นข้อมูลเปิดเผยได้ตามกฎหมาย และจะส่งต่อศาลในวันที่ 25 ก.ค. เพื่อใช้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมชี้ว่าใครเป็นผู้สั่งการไม่ให้นำตัวไปคุมขังตามคำพิพากษา พร้อมระบุว่าความวิบัติจะเกิดขึ้นกับนายทักษิณจาก 4 เรื่องใหญ่ ซึ่งจะสรุปในภายหลัง
“ถ้าเขาไม่พอใจก็มาฟ้องผม ผมพร้อมขึ้นศาลอีกรอบ และจะเปิดเอกสารลับให้หมด ให้ความจริงปรากฏ บ้านเมืองจะได้สงบ” นายชาญชัยกล่าว พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง แต่ทำหน้าที่ประชาชนรักษาความถูกต้อง
ด้าน นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์แพทย์ จุฬาฯ ระบุว่าพยานบางรายให้การไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทางการแพทย์ และย้ำว่าผู้ที่เกี่ยวข้องอนุมัติหรือให้การไม่ตรงกับความจริงอาจต้องรับผิดในที่สุด โดยเฉพาะช่วง 22 ส.ค. 66 ถึง 18 ก.พ. 67
สำหรับช่วงเช้า ศาลได้ไต่สวนพยาน 3 ปาก ได้แก่ อดีตแพทย์ใหญ่ แพทย์ใหญ่ปัจจุบัน และแพทย์ที่เข้าเวรคืนวันที่ 23 ส.ค. 66 โดยพยานเบิกความว่าชั้น 14 ใช้เป็นห้องกักตัวช่วงโควิด และนายทักษิณมีอาการโรคประจำตัวที่ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ และแม้แพทย์แนะนำให้ผ่าตัด แต่นายทักษิณปฏิเสธ
แพทย์รายนี้ย้ำว่าได้รักษาตามจรรยาบรรณ ไม่ทราบข้อระเบียบเรือนจำ และเห็นว่านายทักษิณสามารถกลับไปรักษาที่ราชทัณฑ์ได้หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน พร้อมระบุว่าเคยเห็นนายทักษิณนั่งบนโซฟา ไม่ได้จำกัดการเคลื่อนไหวอยู่เพียงที่เตียง
ช่วงบ่าย ศาลเบิกความพยานรายที่ 4 คือแพทย์ผู้ช่วยผ่าตัดไหล่ของนายทักษิณ โดยให้การว่าจำเลยมีเอ็นหัวไหล่ขาดระหว่างพักที่โรงพยาบาล และตนเป็นผู้ลงชื่อในใบรับรองแพทย์ ซึ่งเป็นการลงข้อมูลทั่วไปตามจริงเท่านั้น ไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้อย่างไร
พยานรายที่ 5 คือแพทย์โรคหัวใจ ให้การว่าให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโรคประจำตัวเดิมจากต่างประเทศ และอธิบายต่อศาลว่าอาการดังกล่าวมีความเสี่ยงระดับกลางที่ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง
ส่วนพยานรายที่ 6 ยืนยันว่าการผ่าตัดของนายทักษิณรวมถึงนิ้วล็อกและไหล่ มีภาวะแทรกซ้อน ทำให้ต้องพักรักษาต่อ โดยได้ยื่นเอกสารประกอบต่อศาลแล้ว
ท้ายสุด ศาลมีคำสั่งให้เลื่อนการไต่สวนพยานบุคคลอีก 3 ปากจากแพทยสภาไปวันที่ 25 ก.ค. และอนุญาตให้จำเลยนำ ศ.กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ ขึ้นเบิกความในวันที่ 30 ก.ค. นี้ต่อไป