มีจิตใจที่เป็นสุจริต พระราชดำรัสแก่ครม.ใหม่ ‘ภูมิธรรม’รักษาการนายกฯ
"ในหลวง" พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ครม.ใหม่เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ มีพระราชดำรัส ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสามารถและความคิดจิตใจที่เป็นสุจริต นำพาชาติบ้านเมืองสู่ความเจริญมั่นคง "รัฐบาลอิ๊งค์ 1/2" คึกคัก ประชุม ครม.นัดพิเศษ มอบ “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ เบอร์หนึ่ง มีอำนาจเหมือนนายกฯ ตัวจริง "แพทองธาร" นั่งรวม รมต.คนอื่น เก้าอี้นายกฯ เว้นว่าง งดจ้อสื่อ ถือฤกษ์ 09.29 น.เข้า ก.วัฒนธรรมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ "มท.1" โชว์ความกล้าหาญ ลั่นสางปม "อัลไพน์-ที่ดินเขากระโดง" ให้จบ "รังสิมันต์" ซัดรัฐบาลไม่ตั้ง รมว.กลาโหมสะท้อนไม่จริงใจแก้ปมชายแดน-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ "จตุพร" เชื่อเดือน ส.ค.ชี้ชะตารัฐบาล
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.11 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ดังนี้
นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย, นายสุชาติ ตันเจริญ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล เป็น รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายจตุพร บุรุษพัฒน์ เป็น รมว.พาณิชย์, นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ เป็น รมช.พาณิชย์, นายเดชอิศม์ ขาวทอง เป็น รมช.มหาดไทย, นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ เป็น รมว.แรงงาน, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็น รมว.วัฒนธรรม อีกตำแหน่งหนึ่ง, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็น รมว.ศึกษาธิการ, น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ เป็น รมช.ศึกษาธิการ, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็น รมช.ศึกษาธิการ, นายอนุชา สะสมทรัพย์ เป็น รมช.สาธารณสุข และนายชัยชนะ เดชเดโช เป็น รมช.สาธารณสุข
ในโอกาสนี้ นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ร่วมเข้าเฝ้าฯ ด้วย
การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะรัฐมนตรีเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ว่า “ในโอกาสที่คณะรัฐมนตรีใหม่ได้มาถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ข้าพเจ้าก็ขอแสดงความชื่นชม ในความตั้งใจของทุกท่าน ที่จะปฏิบัติงาน โดยมีชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ประชาชนทุกคน ต่างก็ต้องการความสุข และความมั่นคงปลอดภัย การที่ท่านทั้งหลาย ซึ่งมีหน้าที่บริหารกิจการบ้านเมือง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนได้ตั้งปณิธานไว้อย่างถูกต้องว่าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด และประกาศปณิธานนั้นอย่างหนักแน่นเข้มแข็ง ก็จะเป็นการเพิ่มพูนกำลังใจให้แก่ตนเอง และเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนได้
ข้าพเจ้าจึงขอเอาใจช่วยทุกท่าน และขอให้ท่านปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรู้ความสามารถ และความคิดจิตใจที่เป็นสุจริต เพื่อนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ความเจริญมั่นคงอย่างยั่งยืน ขออำนวยพรให้ทุกท่านปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยดี และมีความสุขความเจริญโดยทั่วกัน”
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่จะเดินทางเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณครั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แจ้งให้รัฐมนตรีใหม่ตรวจ RT-PCR และถ่ายภาพเดี่ยวในเครื่องแบบปกติขาว เพื่อทำประวัติและบัตรประจำตัวรัฐมนตรี ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
'อ้วน' รักษาการนายกฯ คนที่ 1
เวลา 09.07 น. น.ส.แพทองธารเดินทางมาถึงทำเนียบฯ ด้วยรถยนต์เลกซัส สีดำ ทะเบียน พพ 267 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนตัว โดยเมื่อเดินลงจากรถ น.ส.แพทองธารสวัสดีทักทายสื่อมวลชนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จากนั้นรัฐมนตรีใหม่เดินทางด้วยรถตู้เบนซ์ไปเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยนายกฯ นั่งรถคันที่ 2 ร่วมกับนายอรรถกร และนายจตุพร รมว.พาณิชย์ รวมทั้งนายพงศ์กวิน รมว.แรงงาน
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.00 น. ภายหลังเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ มีการประชุม ครม.นัดพิเศษ ครั้งที่ 26-2568 มีนายสุริยะในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งนั่งเก้าอี้ตัวเดิมในตำแหน่งรองนายกฯ ในที่ประชุม โดยเว้นว่างเก้าอี้ในตำแหน่งนายกฯ เอาไว้ ส่วน น.ส.แพทองธาร ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับฮุน เซน เข้าร่วมประชุมด้วย โดยไปนั่งแถวเดียวกับรัฐมนตรีคนอื่นๆ
"บรรยากาศก่อนการประชุมเป็นไปอย่างชื่นมื่น รัฐมนตรีต่างจับกลุ่มพูดคุย ขณะที่นายจตุพร รมว.พาณิชย์ ได้เดินทักทายแตะมือไฮไฟว์กับหลายคนในที่ประชุมอย่างเป็นกันเอง เมื่อเข้าสู่วาระการประชุม ได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบเรื่องการมอบหมายให้นายภูมิธรรมรักษาราชการแทนนายกฯ อันดับ 1 เป็นเรื่องแรก จากนั้นนายภูมิธรรมจึงรับหน้าที่ประธานการประชุมต่อจากนายสุริยะเพื่อพิจารณาวาระที่เหลือ" แหล่งข่าวระบุ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ เรื่องการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกฯ ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยมอบหมายให้รองนายกฯ เป็นผู้รักษาราชการแทนนายกฯ ตามลำดับ ดังนี้ 1.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย 2.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม 3.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน 4.นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง 5.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
"ในการรักษาราชการแทนนายกฯ ผู้รักษาราชการแทนของนายภูมิธรรมจะมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกฯ และมีอำนาจหน้าที่ในการเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการหรือองค์กรใด ส่วนในกรณีที่ผู้รักษาราชการแทนตาม 2-5 จะสั่งการใดอันเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบฯ อันอยู่ในอำนาจของนายกฯ ต้องได้รับความเห็นชอบจาก ครม. ทั้งนี้ กองอาลักษณ์ฯ เห็นว่า การเสนอ ครม. พิจารณาการมอบหมายให้รองนายกฯ เป็นผู้รักษาราชการแทนนายกฯ ดังกล่าว เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย และเป็นอำนาจของ ครม. ตามความในมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534" นายจิรายุกล่าว
'อิ๊งค์' งดจ้อสื่อ 4 ก.ค.เข้า 'วธ.'
ภายหลังการประชุม ครม. น.ส.แพทองธารเดินลงจากห้องประชุม ครม.ตึกบัญชาการ 1 เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้ตั้งใครเป็นหัวหน้าทีมในการชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญกรณีคลิปเสียงไว้แล้วหรือยัง นายกฯ ไม่ตอบคำถามดังกล่าวพร้อมระบุว่า เห็นถามทุกวันเลย เมื่อถามอีกว่ารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำประชุมสภาวันแรกก็ไปไม่รอดแล้ว นายกฯ ไม่ตอบคำถามดังกล่าวเช่นกัน
จากนั้นนายกฯ ขึ้นรถมายังตึกไทยคู่ฟ้า เก็บเอกสารและของใช้จำเป็นเพื่อไปทำงานที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยใช้เวลาบนตึกไทยคู่ฟ้าเกือบ 1 ชั่วโมง ก่อนเวลา 15.11 น. เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 4 ก.ค. น.ส.แพทองธารจะเดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยเวลา 09.29 น. จะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงวัฒนธรรม คือ พระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาส พระสยามเทวาธิราช และศาลตา-ยาย ขณะที่ในช่วงบ่ายจะประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม
มีรายงานว่า ที่อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ตั้งแต่เช้าได้มีการจัดเตรียมความพร้อมในการต้อนรับ น.ส.แพทองธาร พร้อมคณะทำงาน ที่มีกำหนดการเดินทางมาเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 4 ก.ค.68 นี้
ด้านนายภูมิธรรม กล่าวถึงการโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทยว่า หากจะมีการโยกย้ายก็โยกย้ายตามหน้าที่การงานและตามนโยบายที่จะทำ ซึ่งในวันที่ 4 ก.ค.จะไปมอบนโยบายที่กระทรวงมหาดไทย แล้วอาจจะต้องเริ่มคุยกันในแต่ละส่วน แต่ก็มีการพูดคุยกันไปบ้างแล้ว
ถามว่า งานอะไรเป็นงานเร่งด่วนที่จะต้องทำ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยาเสพติดเป็นอันดับ 1 ส่วนเรื่องที่ดินเขากระโดงต้องทำตามภารกิจ ซึ่งเป็นเรื่องค้างเก่า ต้องหยิบเรื่องที่ประชาชนเขามีข้อคิดเห็น และต้องมาเคลียร์ดูใหม่ว่าอะไรที่ประชาชนเขาคลางแคลงใจบ้าง เพื่อให้หายความคลางแคลงใจ
ซักว่าเรื่องที่ดินเขากระโดงต้องทำให้แล้วเสร็จใน ครม.ชุดนี้ใช่หรือไม่ เพราะทั้งกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทยอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรมกล่าวว่า อะไรที่ทำให้ดีขึ้นตนทำทั้งนั้น อะไรที่เป็นเรื่องค้างเก่าไม่มีทางออกวางไว้เฉยๆ ไม่มีใครสนใจ ตนพร้อมตัดสินใจ
ถามต่อถึงกรณีที่ดินอัลไพน์ จะได้เห็นความกล้าหาญทางการเมืองของ รมว.มหาดไทยในการสะสางเรื่องนี้สักทีหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวด้วยเสียงหนักแน่นว่า “ทุกเรื่องคุณจะได้เห็นความเด็ดเดี่ยวของผมในการแก้ปัญหา” เมื่อถามว่าประเมินว่าจะสะสางเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จเมื่อใด นายภูมิธรรมถึงกับย้อนถามกลับว่า “เพิ่งเข้าวันนี้อะนะ เพิ่งเข้าทำงานวันนี้คุณจะให้ผมประเมิน ขอให้ดูไปก็แล้วกัน"
ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า แต่คดีอัลไพน์และที่ดินเขากระโดงเกิดขึ้นมายาวนานมาก นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าเวลาที่เกิดเรื่องขึ้นเป็นเรื่องซีเรียส และไม่มีคนทำ อย่างเรื่องอุยกูร์ 10 ปีแล้วไม่มีคนทำ เรื่องที่ซีเรียสแบบนี้มีปัญหาหลายๆ อย่าง ก็ต้องทำไปตามกระบวนการ ไม่ใช่การกลั่นแกล้งกัน ว่ากันตามถูกตามผิด
ผู้สื่อข่าวพยายามถามต่อว่า คดีที่ดินอัลไพน์แม้จะเป็นธุรกิจในตระกูลชินวัตรก็จะไม่ละเว้นใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมไม่รอให้คำถามจบรีบตอบกลับทันทีว่า ทุกๆ เรื่องที่มีปัญหาตนเด็ดขาดที่จะทำ พอ ขอให้จบ ต้องพูดให้ชัดเจน ไม่ใช่ว่าหยิบตรงนั้นตรงนี้มาแล้วยังไม่ดูในรายละเอียด แล้วจะให้ตนไปยืนยันว่าอันนั้นต้องจัดการ คำถามทำให้รู้สึกว่าเราต้องไปยุ่งกับคนนั้น ไปแกล้งคนนั้น ตนว่าอย่าทำเลย ยืนยันกับทุกคนว่าทุกเรื่องที่คั่งค้างตนจะจัดการโดยเร็วที่สุด
ส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการแบ่งงาน รมช.สาธารณสุข 2 คนว่า ได้มอบหมายให้นายชัยชนะ เดชเดโช รมช.สาธารณสุข ดูแลเรื่องยาเสพติดและสุขภาพจิต ซึ่งนายชัยชนะอาสาเข้ามาดูแล ส่วนนายอนุชา สะสมทรัพย์ รมช.สาธารณสุข จะดูแลเรื่องสุขภาพ เพื่อไม่ให้งานซ้ำซ้อนกัน
ด้านนายชัยชนะยืนยันว่าคุณสมบัติของตนเองไม่มีปัญหาอะไร มีการโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว จากนั้นก็ทำงาน
ถามว่า จะไม่เป็นรัฐมนตรีสายล่อฟ้าที่ทำให้นายกรัฐมนตรีถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งใช่หรือไม่ นายชัยชนะกล่าวว่า คงไม่ใช่ตน ทุกอย่างเราจะพูดก็แค่วาทกรรม แต่ตนจะทำงานให้เห็น ทราบว่านโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล คือการปราบบุหรี่ไฟฟ้า ปราบยาเสพติด หมอเถื่อนก็ต้องไม่มีเหมือนกัน
ตู่ลั่นเดือน ส.ค.ชี้ชะตารัฐบาล
ขณะที่ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงนโยบายการทำงานว่า เชื่อว่าแนวทางการทำงานที่ผ่านมา รมว.เกษตรและสหกรณ์คนก่อนหน้านี้พยายามหาทุกวิถีทางในการทำงานร่วมกับกระทรวงอื่นๆ โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อทำงานรับใช้และแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร ซึ่งตนจะสานต่อตั้งแต่สมัย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ทำไว้ครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกส่งต่อมายังนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์
ด้านนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย กล่าวว่า จะเดินทางเข้ากระทรวงมหาดไทยในวันที่ 4 ก.ค. พร้อมกับนายภูมิธรรม คาดว่าจะมีการหารือเรื่องการมอบหมายงาน สำหรับตนนั้นสามารถทำงานได้หมดทุกด้าน ไม่ได้โฟกัสส่วนไหนเป็นพิเศษ แต่มุ่งหวังที่จะมาบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน ขึ้นอยู่กับ รมว.มหาดไทย ที่จะมอบหมายงานว่าตนเหมาะสมตรงไหน
ถามว่า กรณีนายกฯ ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่มีผลกระทบต่อการทำงานหรือไม่ นายเดชอิศม์ยอมรับว่า อาจจะมีบ้างในเรื่องความเชื่อถือของคนทั่วไป โดยเฉพาะคนต่างชาติ แต่ขณะนี้ในพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ได้มีการพูดคุยกันหรือวางแนวทางต่อไปหากผลของนายกฯ ออกมาทางลบ เพราะมั่นใจว่านายกฯ ยังไปต่อได้อยู่
"ยอมรับว่าผมกังวลกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องกรณีคลิปเสียงสนทนาของนายกรัฐมนตรี เพราะไม่มั่นใจว่าจะออกซ้ายหรือขวา" นายเดชอิศม์ระบุ
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึง ครม.ชุดใหม่ไม่มี รมว.กลาโหมว่า เป็นส่งสัญญาณที่รัฐบาลไม่ได้เห็นถึงความสำคัญของเรื่องการจัดการปัญหาความมั่นคง เป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อประชาชนชาวไทย เราทุกคนทราบดีว่า รมว.กลาโหมสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องไปเซ็นซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แต่มีความสำคัญในเรื่องยุทธศาสตร์ การทำงานร่วมกับสภาความมั่นคงฯ ซึ่งวันนี้มีบทบาทสำคัญในการคลี่คลายปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งปัญหากัมพูชา รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์
“จะบอกว่าต้องรอบางคน ผมว่าวิธีการคิดแบบนี้เป็นวิธีการคิดไม่ถูกต้อง เพราะการจะบอกว่าต้องรอให้บางคนมีคุณสมบัติพร้อมก่อน ผมคิดว่าประเทศนี้ยังมีอีกหลายคนที่สามารถทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหมได้โดยที่ไม่ต้องรอใครบางคน" นายรังสิมันต์กล่าว
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ถึง ครม.ใหม่ไม่ตั้ง รมว.กลาโหมว่า ชี้ให้เห็นถึงการต่อรอง ซึ่งไม่สนใจประเทศชาติกำลังเจอปัญหาพิพาทชายแดน แต่การเมืองกลับรอถึง 2 เดือนเพื่อจะแต่งตั้ง แสดงถึงเอาเกมการเมืองมาต่อรองโดยไม่คิดเรื่องชาติบ้านเมือง และไม่ห่วงเรื่องพิพาทดินแดนกันเลย เอาแต่จะอยู่ในอำนาจนานเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลและนายกฯ คงอยู่ไม่นาน โดยคำตอบอำนาจจะชัดเจนในเดือน ส.ค.นี้ และคาดว่ารัฐบาลพ้นอำนาจก่อนตั้ง รมว.กลาโหม
"การที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งตั้งตัวเองเป็น รมว.วัฒนธรรมนั้น เท่ากับหาเรื่องขยายปัญหาให้บานปลายออกไปอีก โดยคิดเลียนแบบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แต่กรณีนายกฯ คลิปหลุดไม่ยอมรับความผิดนั้น เรื่องนี้เป็นปัญหาเฉพาะตัวของนายกฯ ดังนั้นความรับผิดชอบจึงต้องลาออก แต่ถ้าจะเลือกยุบสภาก็ขัดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาขณะนี้นายกฯ จะไม่ไปดีๆ โดยจะยอมพังชนิดไม่เหลือสภาพอีกเลย” นายจตุพรกล่าว.