ไทยรั้งอันดับ 2 อาเซียน มีปัญหาโรคอ้วน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แชร์เคล็ดลับดูแลน้ำหนัก
ไทย รั้งอันดับ 2 ของอาเซียน มีปัญหาโรคอ้วน กรุงเทพฯ ขึ้นแท่นอันดับ 1 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แชร์ เคล็ดลับดูแลน้ำหนักในระยะยาว
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2568 ที่ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งเป็นวันที่สองของการจัดงานแฟร์สุขภาพอันดับ 1 ของประเทศ Thailand Healthcare 2025 ภายใต้ธีม ‘A Better Life : สร้างสุขทุกช่วงวัย’ โดย ‘เครือมติชน’ ร่วมกับพันธมิตรด้านสุขภาพ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยภายในงานปีนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ฉลองปีที่ 17 เพื่อคนรักสุขภาพในมิติต่างๆ
ภายในงานมีกิจกรรมไฮไลต์มากมายตลอดงาน อาทิ โซน 3 เมืองสุขภาพ ประกอบด้วย 1.เมืองสุขภาพ 2.เมืองสาธารณสุข และ 3.เมือง 30 บาทรักษาทุกที่ (สปสช.) ซึ่งจะเปิดให้บริการตรวจสุขภาพกว่า 60 รายการ โดย 30 โรงพยาบาลชั้นนำของประเทศ,
จุดตรวจพิเศษตาและฟัน, รถตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ มะเร็ง ปอด และฟัน, ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ เฉพาะ 7 กลุ่มเสี่ยง, 30 เวทีกิจกรรมเสวนาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยปีนี้เป็นครั้งแรกที่มีกิจกรรมทอล์กฮีลใจ 2 เวทีเสวนา และกิจกรรมเวิร์กช็อปงานคราฟต์ พร้อมช้อปสินค้าเพื่อสุขภาพจาก 80 ร้านค้า รวมถึงกิจกรรมเพื่อการกุศล Healthcare Charity 2025
สำหรับช่วง Health Talk : น้ำหนักดี สุขภาพดี ชีวีมีสุข โดยพญ.กัลยาณี พรโกเมธกุล แพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านการรักษาโรคอ้วน และระบบทางเดินอาหารและตับ ศูนย์อายุรกรรม ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ศูนย์ลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ โรงพยาบาลยันฮี กล่าวตอนหนึ่งว่า โรคอ้วน คือ ภาวะที่ร่างกายมีไขมันสะสมมากเกินไป จนส่งผลเสียต่อสุขภาพ
ซึ่งมวลไขมันจะเชื่อมโยงก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังภายใน แล้วส่งผลต่อภาวะโรคร่วม เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไขมันเกาะตับ และที่สำคัญอาจจะส่งผลถึงโรคมะเร็งอีกด้วย
“ไขมันตัวร้ายที่ก่อโรค คือ ไขมันในช่องท้อง และเชื่อมโยงกับโรคร่วมกว่า 200 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด ไขมันพอกตับ เบาหวาน มะเร็ง นิ่วในถุงน้ำดี ข้อเข้าเสื่อม นอนกรน กรดไหลย้อน นอกจากนี้ยังส่งผลต่อสุขภาพจิต โรคอ้วนอาจทำให้เกิดความเครียด จนกลายเป็นปัญหาซึมเศร้าตามมาได้” พญ.กัลยาณี กล่าว
พญ.กัลยาณี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันโรคอ้วนเป็นปัญหาระดับโลก จากการสำรวจล่าสุด มีคน 800 ล้านคนมีปัญหาโรคอ้วน โดยคนไทยมีปัญหาโรคอ้วนถึง 48 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกรุงเทพฯ ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง มีคนเป็นโรคอ้วนถึง 53 เปอร์เซ็นต์
และที่น่าตกใจ คือ เยาวชนไทยมีปัญหาโรคอ้วนเพิ่มขึ้นทุกปี ล่าสุดพบเด็กไทยกว่า 13 เปอร์เซ็นต์มีปัญหาโรคอ้วน และที่สำคัญประเทศไทยยังรั้งเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนที่มีปัญหาโรคอ้วน รองจากมาเลเซีย
“โรคอ้วนไม่ใช่ปัญหาแค่ตัวเลขที่ตาชั่ง แต่ยังเป็นต้นตอของปัญหาสุขภาพ จึงต้องมีการติดตาม ดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งความจริงการเกิดโรคอ้วนมีหลายปัจจัยเป็นองค์ประกอบ ไม่ใช่แค่รับประทานเยอะ ออกกำลังกายน้อย แต่ยังมีรายละเอียดอื่น เช่น กรรมพันธุ์ พฤติกรรมนำอ้วน อย่างภาวะเนือยนิ่ง ความเครียด หรือแม้กระทั่งการอดนอน ล้วนเป็นตัวเชื่อมโยงไปสู่โรคอ้วนได้” พญ.กัลยาณี กล่าว
พญ.กัลยาณี กล่าวต่อว่า แต่ละคนมีระบบเผาผลาญ หรือ “เตาเผา” ไม่เท่ากัน บางคนบอกอยู่เฉยๆ หายใจก็อ้วนแล้ว สาเหตุเพราะระบบเผาผลาญของแต่ละคนขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น อายุเยอะเผาผลาญได้น้อยกว่าอายุน้อย ผู้หญิงเผาผลาญได้น้อยกว่าผู้ชาย กล้ามเนื้อเยอะจะช่วยระบบเผาผลาญได้ดี ดังนั้น โภชนาการระหว่างการลดน้ำหนัก และการออกกำลังกาย จึงเป็นเรื่องสำคัญ
“การลดน้ำหนักที่มีคุณภาพและทำให้สุขภาพดีได้ อย่างน้อยต้องลดได้ 5 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป จะทำให้น้ำตาลในเลือดดีขึ้น ความดันดีขึ้นได้ และถ้าลดน้ำหนักได้ 15 เปอร์เซ็นต์ สามารถทำให้โรคเบาหวานสงบได้ด้วย ส่วนระยะเวลาที่เหมาะสมคือ 3-6 เดือน ไม่ใช่ลดเร็วภายใน 2- 3 สัปดาห์” พญ.กัลยาณี กล่าว
พญ.กัลยาณี กล่าวต่อว่า สำหรับการปรับพฤติกรรม อยากให้ตั้งเป้าหมายก่อนว่าต้องการลดน้ำหนักเพราะอะไร เพื่อจะได้นำไปสู่การดูแลตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มจากจดบันทึกและวางแผนสิ่งที่รับประทานแต่ละวัน แต่สิ่งที่สำคัญคือกำลังใจจากคนรอบข้าง ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน ต้องเข้าใจว่าตัวเรากำลังลดน้ำหนัก ต้องขอความร่วมมือจากคนใกล้ตัวด้วย
“สำหรับเคล็ดลับการดูแลน้ำหนักได้ระยะยาว ได้แก่ สัดส่วนการลด ต้องเป็นไขมันที่หายไป กล้ามเนื้อไม่หายไป ไขมันที่หายไป ยิ่งเป็นไขมันในช่องท้องยิ่งดี การลดต้องไม่เร็วไป 0.5-1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ก็เพียงพอ อาหารหมวดโปรตีนต้องถึง น้ำตาล-ไขมัน ต้องเบา และออกกำลังกายให้เหมาะสมตามสภาวะร่างกาย” พญ.กัลยาณี กล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ไทยรั้งอันดับ 2 อาเซียน มีปัญหาโรคอ้วน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แชร์เคล็ดลับดูแลน้ำหนัก
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th