แบงก์ไทยพาณิชย์แนะนำ จัดพอร์ตการลงทุนสู้ความไม่แน่นอนทางการเมือง-ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่คาดการณ์ได้ยาก
ท่ามกลางความผันผวนของตลาดที่เกิดจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ การบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนเป็นเรื่องที่ท้าทาย นักลงทุนควรมีกลยุทธ์อย่างไรเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนนี้
รุ่งโรจน์ เสกสรรค์วิริยะ ผู้อำนวยการ Investment Product Selection ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Morning Wealth ว่า ย้ำถึงปรัชญาการลงทุนที่ SCB CIO ยึดมั่นมาโดยตลอด คือ “Stay Invested” หรือการลงทุนอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตลาด
“สถานการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วและพลิกผันไปมา เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ดูเหมือนจะประนีประนอมกันอย่างน่าประหลาดใจ แสดงให้เห็นว่าการพยายามจับจังหวะตลาด (Market Timing) มักนำไปสู่การพลาดโอกาส” รุ่งโรจน์อธิบาย พร้อมเสริมว่าหากนักลงทุนตัดสินใจขายสินทรัพย์ออกไปในยามที่ตลาดตกใจจากข่าวร้าย ก็มีโอกาสพลาดผลตอบแทนเมื่อตลาดรีบาวด์กลับมาจากการคลี่คลายของสถานการณ์
รุ่งโรจน์ยังกล่าวถึงปราชญ์การลงทุนระดับโลกอย่าง BlackRock, Goldman Sachs และ JP Morgan ซึ่งล้วนให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า ความมั่งคั่งในระยะยาวเกิดจากการ Stay Invested การคาดเดาอนาคตเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือการลงทุนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
ทำความเข้าใจประเภทการลงทุน: Directional vs. Non-Directional Product โดยการลงทุนแบ่งออกเป็น 2 แนวทางหลัก
- Directional Investment: คือการลงทุนที่ ผลตอบแทนเคลื่อนไหวตามทิศทางของตลาด (เช่น หากตลาดหุ้นบวก ผลตอบแทนก็บวกตาม และในทางกลับกัน) การลงทุนประเภทนี้มักจะ ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงขาลง (Downside Protection) ทำให้มีความผันผวนสูงและได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเมื่อตลาดปรับฐาน
- Non-Directional Product: คือผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ ผลตอบแทนไม่ได้ขึ้นอยู่กับทิศทางของตลาดโดยตรง แม้จะมีความผันผวนบ้างแต่จะน้อยกว่า “สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในยามที่ตลาดมีความผันผวน โดยมีการป้องกันความเสี่ยงผ่านการใช้อนุพันธ์ (Derivatives) ที่มีความซับซ้อน” รุ่งโรจน์ระบุ
รุ่งโรจน์ชี้ว่า กองทุนประเภท Non-Directional อาจให้ผลตอบแทนไม่สูงเท่ากองทุน Directional ในช่วงตลาดขาขึ้นที่รุนแรง แต่จะมีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าในยามที่ตลาดผันผวน การลงทุนในลักษณะนี้จึงช่วยให้นักลงทุนสามารถ Stay Invested ในระยะยาวได้อย่างสบายใจ และบรรลุเป้าหมายการลงทุนที่วางไว้
กระจายการลงทุนเพิ่มสินทรัพย์ทางเลือกในพอร์ต
นอกเหนือจากการ Stay Invested แล้ว “Diversify” หรือการกระจายการลงทุนก็เป็นอีกหนึ่งคาถาสำคัญ รุ่งโรจน์เสนอแนวคิดการเพิ่ม “สินทรัพย์ทางเลือก” (Alternative Assets) หรือ Non-Directional Product เข้ามาในพอร์ตการลงทุนแบบดั้งเดิม (Traditional Asset) ซึ่งมักจะประกอบด้วยหุ้นและตราสารหนี้
จากการศึกษาข้อมูลย้อนหลังกว่า 10 ปี แสดงให้เห็นว่า การเพิ่มสินทรัพย์ทางเลือกเข้ามาในพอร์ตช่วย “สร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นในขณะที่ความผันผวนลดลง” ทำให้การ Stay Invested ในระยะยาวมีความมั่นคงและมั่นใจมากขึ้น
รุ่งโรจน์ยังได้ยกตัวอย่าง Endowment Fund ขนาดใหญ่ระดับโลก เช่น Harvard หรือ CalPERS ซึ่งมีการจัดสรรสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกไว้ในระดับที่สูงถึง 30-50% ของพอร์ต สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการสร้างผลตอบแทนที่ดีควบคู่ไปกับการลดความผันผวน
แนะกองทุน SCBABSAP รับมือความผันผวน
สำหรับนักลงทุนที่สนใจผลิตภัณฑ์การลงทุนประเภท Non-Directional ทางไทยพาณิชย์เสนอ SCBABSAP (Absolute Return Asia Pacific) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนใน BlackRock Systematic Asia Pacific Equity Absolute Return Fund
“กองทุนนี้มุ่งเป้าสร้างผลตอบแทนเชิงบวกโดยไม่ผันผวนตามตลาด” รุ่งโรจน์กล่าว
โดยจากการศึกษาผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนหลัก BlackRock Systematic Asia Pacific Equity Absolute Return พบว่าสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 9% ต่อปี ด้วยความผันผวนเพียง 6% ซึ่งเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นอย่าง MSCI Asia Pacific แล้ว กองทุนนี้มีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่รับได้
รุ่งโรจน์ยังชี้ว่า กองทุนหลักนี้สามารถสร้างผลตอบแทนรายเดือนเป็นบวกได้ถึง 68 เดือน จาก 99 เดือนที่ทำการศึกษา (ประมาณ 60-70%) และมีผลตอบแทนรายปีที่สม่ำเสมอและเหนือกว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 3 เดือนในแต่ละปี ยกเว้นปี 2019 ที่เป็นช่วงวิกฤตโควิด-19
ความเสี่ยงและการบริหารจัดการ
แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่รุ่งโรจน์ย้ำว่ากองทุน SCBABSAP ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน โดยหลักๆ คือ ความเสี่ยงของแบบจำลอง (Model Risk) ซึ่งแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในการลงทุนอาจคำนวณผิดพลาดได้
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการกองทุนมีแบบจำลองควบคุมความเสี่ยง (Risk Control Model) เพื่อเข้ามาจับตาและประเมินสถานการณ์ หากเกิดข้อผิดพลาดในการลงทุน ผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้าย โดยไม่ได้ปล่อยให้แบบจำลองเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับกองทุน SCBABSAP กำลังเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 24-30 มิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มสินทรัพย์ประเภท Non-Directional เข้ามาในพอร์ต เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นในระยะยาว