”กาบเชิง“ ชุมชนหน้าด่านกับความหวังของชาวชายแดน
”กาบเชิง“ ชุมชนหน้าด่านกับความหวังของชาวชายแดน
เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2568 ที่จังหวัดสุรินทร์ ผู้สื่อข่าว The Room 44 ได้ลงพื้นที่ชุมชนในอำเภอกาบเชิง ซึ่งเป้นชุมชนที่อยู่ใกล้บริเวณชายแดนมากที่สุด โดยสามารถเดินเท้าข้ามไปฝั่งกัมพูชาได้เพราะก่อนจะมีการประทะกันก็เดินไปเก็บเห็ดในป่า ของคนทั้งสองประเทศได้อยู่ ซึ่งตัวชุมชนนี้เป็นชุมชนที่จะอยู่ก่อนถึง เขตผ่านแดนช่องจอม ซึ่งยังมีชาวบ้านในหมู่บ้านหลงส่วนหนึ่งเพราะไม่อยาก จากหมู่บ้านไปไกลและยังมีความห่วงบ้าน ห่วงสัตว์เลี้ยง และบริเวณหมู่บ้านก็มีบังเกอร์เอาไว้หลบได้เป็นจำนวนพอดีกับคนที่ยังหลงเหลืออยู่
ซึ่งนายบุญเยี่ยม ชาวบ้านในชุมชนเผยว่า คนที่ยังหลงเหลืออยู่ประมาณหนึ่งนี้ก็เป็นคนในหมู่บ้านที่มารวมกัน โดยมีอะไรก็นำมาแบ่งปันกันเพราะว่า มีเตรียมเสบียงเอาไว้แต่คาดว่าคงอยู่ได้อีกไม่กี่วันและจะออกไปซื้อก็ไม่ได้เพราะตลาดก็อยู่ห่างไกลเกินไปรวมถึงปั๊มน้ำมันหรือห้างร้านอื่นๆในชุมชนก็ปิดหมดเนื่องจากคนอพยพไปที่ศูนย์พักพิง ทั้งนี้ยังการแบ่งเวรยามเฝ้าเอาไว้เนื่องจากกลัวว่าจะมีโจรเขมรมาซุ่มขโมยของในชุมชนต้องผลัดเปลี่ยนกันมาเฝ้ามีเพียงปืนที่เป็นอาวุธเท่านั้น ส่วนการทำอาชีพก็ลำบากเพราะในสภาวะนี้ก็ไม่สามารถออกไปทำอาชีพได้และเงินก็ไม่สามารถใช้จ่ายได้เพราะห้างร้านปิดทั้งหมด
ส่วนบังเกอร์ที่เป็นหลุมหลบภัยนั้นมีขนาดใหญ่พอดีกับจำนวนคนที่หลงเหลืออยู่ซึ่งมีการซ่อมแซมไปบ้างจากฝั่งทหารและเจ้าหน้าที่ที่มาช่วย ซึ่งจะให้ได้รับการแจ้งเตือนจากทหารที่อยู่แนวหน้าโทรศัพท์มาบอกว่าจะมีการยิงกันก็จะเตรียมเข้าภายในบังเกอร์เพื่อป้องกันเอาไว้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินสำรวจในบริเวณตัวเมืองกลับเชิงศึกอยู่ห่างจากชายแดนมาเป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร พบว่าในตัวเมืองไม่มีผู้คนอาศัยอยู่มีเพียงเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจที่ดูแลความเรียบร้อยในชุมชนเท่านั้น รวมถึงโรงพยาบาลกับเชิงก็ไม่มีแพทย์หรือพยาบาลอยู่และห้างร้านส่วนใหญ่มีการปิดบริการเนื่องจากอพยพผู้คนไปในศูนย์พักพิงทั้งหมด จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่ามีคนอยู่บ้างแต่เป็นจำนวนน้อยมากๆเพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยให้ลาดตระเวนตอนกลางคืนเพื่อป้องกันขโมยเข้ามางัด บ้านหรือร้านค้า
ส่วนบริเวณถนนตลอดเส้นทาง จากตัวอำเภอปราสาทจนถึงชายแดนช่องจอมพบว่าส่วนใหญ่ร้านค้าร้านอาหารหรือปั๊มน้ำมันจะปิดบริการทั้งหมดโดยในอำเภอปราสาทยังมีผู้คนอยู่บ้างซึ่งชาวบ้านบอกว่าไม่อยากทิ้งบ้านไปไกลเพราะห่วงสัตว์เลี้ยงและห่วงบ้านและมั่นใจว่าในอำเภอจะไม่โดนลูกหลงอย่างแน่นอนเพราะอยู่ห่างจากชายแดนเป็นระยะทางพอสมควร แต่ก็อยากหวังให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาให้โดยเร็วซึ่งเป็นการเจรจาในช่วงบ่ายที่ผ่านมา เพื่อที่จะให้ประชาชนสามารถกลับเข้าไปอยู่อาศัยได้ตามเดิม