สธ.ไทย-มาเล ประชุมร่วมพัฒนาและขับเคลื่อนงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ชายแดน 2 ประเทศ
วันที่ 22 กรกฎาคม นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้ตรวจราชกระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 12 ได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาความร่วมมือด้านสาธารณสุขตามแนวชายแดน ไทย–มาเลเซีย ครั้งที่ 35 ประจำปี 2568 โดยจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 21 – 24 กรกฎาคม 2568 ณ พีช ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ สปา อ่าวนาง จังหวัดกระบี่ โดยมีนายสุวิทย์ สุริยะวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวต้อนรับ และ นายแพทย์ ธีรศักดิ์ เด่นดวง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสตูล กล่าวรายงาน การประชุม มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ ได้แก่ จังหวัดสตูล สงขลา ยะลา และนราธิวาสของประเทศไทย และรัฐเปอร์ลิส เคดาห์ เปรัค และกลันตันของประเทศมาเลเซีย โดยความร่วมมือดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนร่วมกัน
ประเทศไทยและประเทศมาเลเซียได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ด้านสาธารณสุขมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2540 ความร่วมมือที่เกิดขึ้นครอบคลุมถึงการพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุขชายแดน การยกระดับคุณภาพสถานบริการสุขภาพในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ การเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากรสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนของไทยและมาเลเซีย
การประชุมสัมมนาความร่วมมือด้านสาธารณสุขตามแนวชายแดน ไทย–มาเลเซีย จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยผลัดเปลี่ยนเจ้าภาพระหว่างสองประเทศ สำหรับปีนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 35 ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูลเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ณ จังหวัดกระบี่ ประเทศไทย การประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างสองประเทศในการแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุขที่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนกำลังเผชิญ เช่น การระบาดของโรคติดต่อ การส่งต่อผู้ป่วยข้ามพรมแดน การคุ้มครองผู้บริโภคด้านความปลอดภัยของอาหารและยา และการควบคุมคุณภาพ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ระหว่างบุคลากรสาธารณสุขของทั้งสองประเทศ
มีบุคลากรสาธารณสุขจากจังหวัดชายแดนของไทยและรัฐชายแดนของมาเลเซียเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้จำนวน 300 คน รวมทั้งแขกผู้มีเกียรติจากกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานเขตสุขภาพที่ 12 จังหวัดสงขลา เข้าร่วมด้วย โดยคาดว่าผลลัพธ์จากการประชุมในครั้งนี้จะนำไปสู่ข้อเสนอแนะและข้อตกลงร่วมกันที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ และยังเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือที่ใกล้ชิดและต่อเนื่องของบุคลากรในพื้นที่ชายแดน เพื่อพัฒนาสุขภาวะของประชาชนให้เกิดความยั่งยืนต่อไป