อดีตนายพลสีส้ม ฟันธง! ไทยต้องฝักใฝ่ปชต.-ตะวันตก ถ้าอยากหลุดกับดักภาษีทรัมป์
อดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ยาวชำแหละนโยบายต่างประเทศไทย พุ่งเป้าจีนครองเศรษฐกิจ-อาวุธไทยส่อรั่วข้อมูลสหรัฐฯ ชี้ไทยไม่มีสิทธิ์เรียกร้องจากวอชิงตัน หากยังไม่เลือกข้างประชาธิปไตย-ตะวันตก ย้ำอนาคตต้อง “อดทนจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง” เท่านั้นจึงจะเห็นแสงสว่างทางเศรษฐกิจ
12 กรกฎาคม 2568 พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตไปโพสต์เฟซบุ๊กว่า มีนักวิเเคราะห์และนักการเมืองหลายท่านโอดครวญว่า สหรัฐฯไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างกันเป็นร้อย ๆ ปีเลย
ในความสัมพันธ์ที่ผ่านมานั้นสหรัฐฯ ช่วยไทยมาตลอด ในขณะที่ผู้มีเสียงดังในไทยบูชาจีนคอมมิวนิสต์และกล่าวหาว่าสหรัฐฯ จะยึดไทย รังเกียจประชาธิปไตย ชอบการบริหารแบบจีนมาตลอดมิใช่หรือ?
ก็ไทยเดินถอยห่างจากสหรัฐฯ ไปจนสหรัฐฯ ต้องไปทำสัญญาการลงทุนกับเวียดนามแทน จริงหรือไม่จริง
มายุคนี้คือทรัมป์ ก็ประกาศชัดๆ ๔ ข้อ เฉพาะกับพันธมิตรของสหรัฐ ฯ ศัตรูไม่เกี่ยวก่อนรับตำแหน่งคือ
เรื่องดุลการค้า
เรื่องความร่วมมือทางการทหาร (ซื้ออาวุธสหรัฐ ฯ)
มีแนวทางสอดคล้องกับสหรัฐ ฯ และ
ถอยห่างจากจีน
ถ้าเป็นฝ่ายบริหารที่ดี ต้องรีบเอาสี่ข้อนี้มาตรวจสอบและเตรียมตั้งรับไว้ล่วงหน้า เหมือนครูบอกแนวข้อสอบแล้ว นักเรียนมีหน้าที่ทบทวนความรู้
เรื่องดุลการค้ากับความร่วมมือทางทหาร ดูดีๆ จะไปด้วยกัน เรื่องยังคงเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ ถอยห่างจากจีน ก็ไปด้วยกัน
แม้ว่าทรัมป์จะอยู่อีกไม่กี่ปี แต่เชื่อว่านโยบายหลักกับพันธมิตรจะปรับเปลี่ยนไม่ไกลไปกว่านี้ ทรัมป์มาแค่จุดระเบิดเท่านั้น
ลองมาดูทีละเรื่องที่อาจใช้ต่อรองกับสหรัฐฯ ในการลดภาษีได้จริง ไม่ใช่วาทกรรม ท้าตี ท้าต่อย และเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
เรื่องแรกคือดุลการค้าและโครงสร้างเศรษฐกิจของไทย ต้องรับความจริงว่าไทยกลายเป็นส่วนหนึ่งทางเศรษฐกิจของจีนไปแล้ว ทุนไทยล้มตายไปหมด เหลือแต่ทุนใหญ่ที่มีความสัมพันธ์เป็นนอมินีให้จีนดังที่เห็นจากตึกถล่ม การปากว่าตาขยิบให้ทุนจีนที่มีทั้งขาวและเทาไปจนถึงดำเข้าประเทศ จำเป็นต้องทบทวนกันขนานใหญ่ ไม่ใช่การกีดกันทางการค้า หากแต่ควบคุมมาตรฐานและป้องกันการสวมสิทธิ์อย่างเต็มที่เป็นชั้นแรก ชั้นต่อไปการลดภาษีให้จีนในอุตสาหกรรมสำคัญเช่นรถยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โดยมองแค่มีทุนจีนเจ้าประเทศมาก ๆ เท่านั้น แต่ไม่มองว่าบริษัทต่างชาติอื่นที่อยู่ประคองเศรษฐกิจไทยด้วยคุณภาพมายาวนานเช่นญี่ปุ่นต้องถอนการลงทุนออกไป เพราะตลาดภายในเป็นของจีนจากของราคาถูกเพราะไม่เสียภาษี รัฐไม่ได้ภาษี แถมรายได้ส่งกลับไปจีนหมดอีก นี่ยังไม่รวมการฟอกเงิน ว่ากันเฉพาะเรื่องขาว ๆ ชั้นที่สามคือภาษีที่้เก็บกับประเทศอื่นอย่างสหรัฐ ฯ และยุโรปค่อนข้างสูงเพื่อคุ้มครองธุรกิจของจีนในประเทศ เช่นรถยนต์ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น สหรัฐ ฯ และยุโรปถอนตัวจากไทย ส่วนหนึ่งอาจพูดได้ว่าเกิดจากแข่งราคาสู้จีนไม่ได้ก็จริง แต่ภาษีในไทยก็เป็นเรื่องจริงที่ซ้ำเติมเช่นกัน แค่สามชั้นนี้ ผู้เจรจาเคยคิดจะปรับโครงสร้างการผลิตและภาษีให้เป็นธรรมหรือไม่ จะลดภาษีสินค้าจากสหรัฐ ฯ และยุโรปลงเท่ากับจีนได้หรือไม่ ถ้าทำจริงรัฐบาลจะเอาเงินที่ไหนใช้ เวลานี้รัฐบาลอยู่ได้เพราะภาษีจากสหรัฐ ฯ และยุโรป
เรื่องที่สองคือซื้ออาวุธสหรัฐ ฯ เพื่อชดเชยการขาดดุลการค้า ในการรบสมัยใหม่ในการตั้งรับ ไม่รุกรานใคร เราใช้โดรน ใช้เครื่องบิน ระบบปัองกันภัยทางอากาศและอาวุธปล่อยระยะไกลเป็นสำคัญ เรื่องนี้มีมูลค่าสูงและจำเป็นต้องใช้จริงในแง่ความมั่นคง ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป ส่วนตัวเห็นว่าเราควรมี f-16 70/72 f-15ex และ f-35 ในอนาคตรวมถึงเฮลิคอปเตอร์โจมตีเพิ่มเติม ก่อน จากนั้นระบบปัองกันภัยทางอากาศตั้งแค่ระยะไกลจนถึงระยะใกล้ให้กับทางกองทัพบกและกองทัพเรือ โดยอาจมีโดรนคุณภาพสูงเพื่อใช้ลาดตระเวนและแจ้งเตือนภัยเพิ่มขึ้นบ้าง เพราะส่วนใหญ่ไทยเราผลิตเองได้ เพียงแต่บางเทคโนโลยียังไปไม่ถึง ในส่วนของกองทัพบกเราขาดปืนครกและปืนใหญ่นำวิถีอัตตาจรและจรวดหลายลำกล้องแบบ HIMARS จำนวนหนึ่งที่จำเป็นต้องมีเพราะขาดความสนใจมานานแล้ว แม้จะผลิตเองได้ แต่การมีเทคโนโลยีล่าสุดก็สำคัญ แต่ทว่าเรื่องข้างต้นเป็นไปได้ยากเพราะเราใช้ระบบของทางจีนและรัสเซียเข้ามาในกองทัพนานแล้ว ยกตัวอย่างเช่นระบบการบินและติดต่อสื่อสารเราใช้ของจีนด้วย หากซื้อ f-35 สหรัฐ ฯ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าไทยจะไม่ปล่อยให้จีนหรือรัสเซียเจาะข้อมูลความลับย้อนไปถึงเพนตากอน ยังไม่ต้องพูดถึงกองทัพเรือที่เป็นจีนไปค่อนข้างมากแล้ว เวลาทำการรบร่วม/รบผสม แน่ใจได้อย่างไรว่าข้อมูลฝ่ายตะวันตกจะไม่รั่วไปจีน เวลานี้ก็ตกลงซืัอเรือดำน้ำจีนให้ได้ไปแล้ว สรุปแล้วแบบนี้จะไปขอให้สหรัฐ ฯ เห็นแก่ความสัมพันธ์อันยาวนานอะไร ในเมื่อไทยไปยืนข้างศัตรูคู่แข่งที่เปิดเผยแบบนั้น อาจมีคนสงสัยว่าเราก็ซ้อมรบกับสหรัฐ ฯ ทุกปีไม่เห็นบ่น นั่นคือการซ้อม เวลารบจริงก็อีกระดับ
เรื่องพันธกรณีกับสหรัฐ ฯ และ ออกห่างจากจีนคงไม่ต้องพูดถึง ตราบใดที่ยังมีผลประโยชน์ของจีนผูกมัดอยู่ คงยากที่จะทำให้สหรัฐ ฯ เปิดประตูการค้าให้ เพราะชนชั้นนำของไทยจะไม่ยอมอย่างแน่นอน อย่างเก่งที่สุดคงได้เท่าเวียดนามเท่านั้น
จนกว่าทิศทางของไทยจะกลับไปฝักใฝ่ประชาธิปไตย ฝักใฝ่ตะวันตกอย่างชัดเจนเท่านั้น การค้ากับทรัมป์จึงจะพอไปได้
อย่างไรก็ตามคนไทยไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้เพราะ SME ไทยล้มหายตายจากไปมากแล้ว เงินเข้าประเทศก็วนออกไปต่างประเทศหมดอยู่ดี
อดทนไปจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงกัน น่าจะมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นได้บ้างครับ.