ผบ.ทหารสูงสุด หนุนเจรจาทวิภาคีไทย-กัมพูชา ลดตึงเครียดชายแดน ฟื้นความสัมพันธ์-เปิดด่านร่วม
“ผบ.ทหารสูงสุด” หนุน พูดคุยเจรจา ทหารไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาตึงเครียดชายแดนใช้ กลไกทวิภาคี เพื่อลดกำลังทหาร ยุทโธปกรณ์ อาวุธยิงระยะไกลย้อนกลับไปสู่ปี 2567
เปิดด่าน พร้อมกัน ให้ประชาชน2 ประเทศได้กลับมา มีปฏิสัมพันธ์ ตามเดิม ยืนยัน ประเทศไทยไม่ได้ปิดด่านแต่เป็นการควบคุมเวลาเปิด-ปิดให้เข้มงวด มากขึ้นเท่านั้น ย้ำ จุดยืนประเทศไทยคงเดิม รักษาธิปไตย ใน สิ่งที่เราครอบครองดูแลมายาว
พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน กับประเทศเพื่อนบ้าน (ผอ.ศอ.ปชด.)
สนับสนุนแนวทางของพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค2 ในการแก้ปัญหาในพื้นที่ช่องบวกโดยให้ทหารไทยและกัมพูชา ร่วมกันลาดตระเวนสัปดาห์ละ3 ครั้งเพื่อให้ได้พูดคุยกันมากขึ้น
1.จุดยืนของประเทศไทยเช่นเดิม คือการรักษาอธิปไตย ในสิ่งที่เราครอบครองมาอย่างยาว ตามแผนที่ปฏิบัติการของเรา
2.คือต้องการให้มีการใช้กลไกทวิภาคีในการพูดคุยแก้ปัญหาทั้งในระดับของคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค RBC ที่มีแม่ทัพภาคเป็นประธาน คณะกรรมมาธิการเขตแดน JBC ที่มีกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน และคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา GBC ที่มี รมว.กลาโหมเป็นประธาน
3.และเมื่อ2 ข้อนี้สามารถทำได้ก็จะนำไปสู่การลดกำลังเผชิญหน้า โดยเฉพาะกำลังที่เสริมเข้ามา โดยเฉพาะอาวุธระยะไกล ต้องการให้กลับไปสู่สถานการณ์ปี 2567 กำลังฝ่ายใดมีแค่ไหนก็แค่นั้นทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศ
เมื่อมีการลดกำลังลงแล้วก็จะเราก็อยากเห็นการเปิดด่านสองฝ่ายเพื่อให้ประชาชนทั้งสองฝั่งกลับไปมีปฏิสัมพันธ์กันเหมือนเดิม การค้าขายกันเช่นที่ผ่านมา
ยืนยันว่าที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยปิดด่านเลยแต่เราใช้การจำกัดเวลาการเปิดปิด แต่ฝั่งกัมพูชานั้นปิดด่านตลอดแนวชายแดนดังนั้น เราควรจะมาเปิดด่านพร้อมกันไหมตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น เพื่อให้มีการสัญจรไปมาได้
และ ที่ผ่านมาเราใช้หลักมนุษยธรรมเปิดให้ผู้เจ็บป่วยหรือนักเรียนมาเรียนหนังสือได้ เพราะการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ
“เพราะเป้าประสงค์ของเราคือการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี คบหากันได้เพื่อให้เกิดความสงบตามแนวชายแดน ไม่ใช่การเผชิญหน้ากัน ตามแนวชายแดน”
พลเอกทรงวิทย์ ระบุ